โปรแกรมป้องกันฯ แบ่งตามประเภทของระดับการเจาะเข้าหากลุ่มเป้าหมาย
โปรแกรมครอบจักรวาล Universal programs: ออกแบบมาเพื่อประชากรทั่วไป เช่น สำหรับเด็กทุกคนในโรงเรียน
โปรแกรมคัดเลือก Selective programs: ออกแบบเพื่อเจาะจงไปที่กลุ่มที่มีความเสี่ยง หรือเป็นส่วนหนึ่งของประชากรเสี่ยง เช่น เด็กในครอบครัวผู้ใช้ยา หรือเด็กนักเรียนที่มีผลการเรียนดีแต่ยากจน
โปรแกรมเจาะจง Indicated programs: ออกแบบเพื่อคนที่มีประสบการณ์การใช้ยาโดยตรง
ส่วนโปรแกรมแบบที่เรียกว่า Tiered programs เป็นการรวมเอาทุกระดับมาไว้ในโปรแกรมเดียวกัน
ในครอบครัว
โปรแกรมป้องกันอาจจะเสริมพลังปัจจัยป้องกันแก่เด็กเล็ก โดยการสอนให้ผู้ปกครองมีทักษะการสื่อสารที่ดีขึ้น มีทักษะการสร้างวินัยที่เหมาะสมกับพัฒนาการแต่ละวัยของเด็ก และมีการบังคับใช้ที่หนักแน่นสม่ำเสมอ รวมทั้งมีทักษะการบริหารจัดการครอบครัว ผู้ปกครองอาจมีการเรียนรู้เพื่อเพิ่มการสนับสนุนด้านอารมณ์จิตใจ สังคม การเรียนรู้และด้านวัตถุตามความเหมาะสมให้แก่ลูกๆ เช่น ดูแลด้านการเงิน การเดินทาง สุขภาพ และการบ้าน เป็นต้น งานวิจัยยืนยันหนักแน่นว่า การที่ผู้ปกครองมีบทบาทใส่ใจกระตือรือร้นมากขึ้นในชีวิตของลูกจะเกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ โดยการพูดคุยกับลูกเรื่องยาเสพติด คอยสนับสนุนการทำกิจกรรมของลูก รู้จักเพื่อนของลุก เข้าใจปัญหาของลูกและใส่ใจในปัญหาเหล่านั้น วางวินัยและกฎกติกาที่เสมอต้นเสมอปลาย และเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ละการศึกษาของลูก
ตัวอย่างของโปรแกรมป้องกันในครอบครัวแบบ universal family-based program เช่น โครงการ Strengthening Families Program For Parents and Youth, 10–14, ซึ่งช่วยให้พ่อแม่ผู้ปกครองในชนบทมีทักษะในการจัดการครอบครัวและการสื่อสาร สนับสนุนทางการเรียน และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูก อย่างไรก็ตามนักวิจัยตระหนักดีว่า มันเป็นเรื่องยากเหมือนกันที่จะเชิญชวนให้พ่อแม่เข้ามามีส่วนร่วม นักวิจัยจึงช่วยกำหนดตารางเวลาและสถานที่ที่ยืดหยุ่น สนับสนุนความสะดวกต่างๆแก่พ่อแม่ผู้ปกครอง เช่น จัดหาคนดูแลลูกแทนถ้าพ่อแม่ต้องมาประชุม สนับสนุนเรื่องรถรับส่งมาประชุม รวมถึงการสนับสนุนอาหาร ช่วยให้พ่อแม่ในชนบทสามารถมาเข้าร่วมการเรียนรู้ได้ และทำให้โปรแกรมไปถึงเป้าหมายที่วางไว้
โปรแกรมอีกแบบหนึ่งที่ดำเนินการในพื้นที่โรงเรียน คือ The Adolescent Transitions Program ซึ่งเป็นโปรแกรมครอบครัวที่รวมเอาหลายเป้าหมายและวิธีการมารวมกัน ซึ่งทุกครอบครัวจะเข้าร่วมใน universal intervention, ซึ่งให้ข้อมูลความรู้และสนับสนุนทรัพยากรในการเลี้ยงดูเด็ก ในขณะที่ The Family Check-Up, เป็นโปรแกรมคัดเลือก ( Selective Level) โดย มีกระบวนการประเมินผล เพื่อระบุและช่วยครอบครัวที่กำลังเผชิญความเสี่ยงสูง ด้วยการให้ข้อมูลและการช่วยเหลือที่เฉพาะเจาะตรงตามความต้องการของครอบครัว ในกลุ่มที่เป็นIndicated Intervention จะทำงานกับครอบครัวที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหาเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างเข้มข้นและให้ข้อมูลที่จัดเตรียมให้ตรงกับปัญหาของเขา เช่น การบำบัดรายบุคคลหรือบำบัดครอบครัว การโค้ชผู้ปกครองแบบเข้มข้น การจัดการครอบครัวพักพิงเพื่อการบำบัด หรือ โปรแกรมช่วยเหลือครอบครัวแบบพิเศษ ความเป็นเฉพาะของ Tiered Approach ก็คือ ทั้งโรงเรียนมีผู้เข้าร่วมเรียนรู้ ขณะเดียวกันครอบครัวหรือบุคคลก็จะได้รับการช่วยเหลือที่ตรงกับระดับความต้องการ โดยไม่มีการตีตรากันในกระบวนการ
ในโรงเรียน
โปรแกรมป้องกันในโรงเรียนจะเน้นไปที่ทักษะทางสังคมและทางการเรียนของเด็ก รวมถึงการเสริมพลังความสัมพันธ์กับเพื่อน การควบคุมตนเอง ทักษะจัดการสถานการณ์ พฤติกรรมทางสังคม และทักษะการปฏิเสธการยื่นสารเสพติด โปรแกรมป้องกันบนฐานโรงเรียนควรจะบูรณาการกับเป้าหมายทางการศึกษาของโรงเรียนด้วย มีหลักฐานว่า ความเสี่ยงสำคัญในเรื่องความล้มเหลวในการเรียนอยู่ที่ การขาดความสามารถในการอ่านในช่วงประถม 3 และ 4 (Barrera et al. 2002), และการล้มเหลวในโรงเรียนก็จะเกี่ยวข้องกับการใช้ยาเสพติดอย่างมาก โปรแกรมแบบูรณาการจึงจะช่วยเสริมความผูกพันของนักเรียนต่อโรงเรียน และลดแนวโน้มที่เด็กจะออกจากโรงเรียนกลางคัน
โปรแกรมป้องกันที่อยู่บนฐานการวิจัยส่วนใหญ่ จะรวมหลักสูตรที่สอนทักษะสังคมและพฤติกรรมหลายด้าน เช่น The Life Skills Training Program เป็นแบบuniversal classroom programs สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น สอนเกี่ยวกับการต่อต้านยาเสพติด การจัดการตนเองและทักษะสังคมทั่วไปในหลักสูตร 3 ปีและในช่วงปีที่ 3 จะมีกิจกรรมเพื่อเพิ่มพลังอีกครั้ง ก่อนที่นักเรียนจะขึ้นไปเรียนระดับมัธยมปลายต่อไป
The Caring School Community Program เป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการวางโปรแกรมป้องกันในโรงเรียน โปรแกรม universal นี้สำหรับชั้นประถมศึกษา โดยจะเน้นที่การสร้าง a “sense of community” ในห้องเรียน โรงเรียนและครอบครัว การสนับสนุนของชุมชนจะส่งผลให้เกิดความสำเร็จของเด็กในโรงเรียน จัดการกับความเครียดและปัญหาอื่นๆที่เกิดขึ้นตามมาได้
โปรแกรม indicated intervention จะเข้าถึงเด็กมัธยมปลาย เช่น Project Towards No Drug Abuse โดยเน้นที่นักเรียนซึ่งเรียนอ่อนและเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและมีปัญหาพฤติกรรมอื่นๆ โปรแกรมพยายามสร้างความสนใจของนักเรียนต่อโรงเรียน และให้เด็กมองเห็นอนาคต ช่วยปรับความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับยาเสพติด และเสริมพลังปัจจ้ยป้องกันรวมถึงการตัดสินใจและการมีพันธะสัญญาเชิงบวก
งานวิจัยล่าสุดชี้ว่า ให้มีความระมัดระวังเมื่อเอาเด็กวัยรุ่นที่มีความเสี่ยงสูงมารวมกลุ่มกัน เพราะกลุ่มแบบนี้จะสร้างผลกระทบทางลบ เช่น อาจจะมีคนเชียร์พฤติกรรมการใช้สารเสพติด (Dishion et al. 2002). งานวิจัยกำลังหาทางว่าจะป้องกันผลกระทบแบบนี้อย่างไร โดยอาจโฟกัสไปที่บทบาทของผู้ใหญ่และเพื่อนที่มีทัศนคติเชิงบวกให้มากขึ้น
ในชุมชน
โปรแกรมการป้องกันที่ทำในระดับชุมชน มักจะทำงานร่วมกันระหว่างกลุ่มสิทธิพลเมือง ศาสนา กลุ่มบังคับใช้กฎหมาย และองค์กรภาครัฐอื่นๆ เพื่อเสริมพลังค่านิยมการต่อต้านยาเสพติด และส่งเสริมพฤติกรรมเชิงบวก กลยุทธเพื่อเปลี่ยนปัจจัยสำคัญทางด้านสภาพแวดล้อมมักจะถูกนำมาใช้ในระดับชุมชน โดยอาจจะเพิ่มนโยบายใหม่ๆเข้าไป เช่น กำหนดคอนแซ็ปต์”โรงเรียนปลอดยา” หรือเสริมพลังการปฏิบัติของชุมชน เช่น สำรวจความคิดเห็นเรื่องอายุที่เหมาะแก่การซื้อบุหรี่ เป็นต้น
โปรแกรมจำนวนมากประสานกิจกรรมหลายๆด้านข้าม setting กัน เพื่อสื่อถึงสาระเดียวร่วมกัน ทั้งในโรงเรียน ที่ทำงาน องค์กรศาสนาและสื่อมวลชน งานวิจัยชี้ว่า โปรแกรมที่เข้าถึงเยาวชนผ่านแหล่งทรัพยากรที่หลากหลาย จะส่งผลกระทบต่อบรรทัดฐานของชุมชนอย่างมาก (Chou et al. 1998). โปรแกรมที่อยู่บนฐานชุมชน ก็มักจะรวมการพัฒนานโยบายที่หลายส่วนเกี่ยวข้องเข้ามา เช่น การบังคับใช้ตามกฎกติกา การส่งผลของสื่อมวลชน และโปรแกรมสร้างความตระหนักรู้ให้ทั่วถึงชุมชน ตัวอย่างเช่น มีนโยบายกำหนดเวลาเคอร์ฟิวสำหรับเยาวชน การประกาศข้อกำหนด/ข้อห้ามต่างๆ การลดจุดจำหน่ายแอลกอฮอล์ในชุมชน การขึ้นราคาบุหรี่ การกำหนดโซนปลอดยาในโรงเรียน เป็นต้น สื่อมวลชนที่วางโครงสร้างไว้อย่างดีและมีเป้าหมายชัดเจน ก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า ช่วยลดการใช้ยาได้อย่างดีมาก เช่น การรณรงค์ผ่านสื่อมวลชนที่มุ่งตรงไปที่เยาวชนที่ติดอารมณ์เคลิบเคลิ้ม สามารถลดความต้องการสูบกัญชาได้ถึง 27% (Palmgreen et al. 2001).
Project STAR เป็นหนึ่งตัวอย่างของโปรแกรมป้องกันยาเสพติดสำหรับชุมชนที่มีหลายองค์ประกอบ โดยประสานความพยายามของทุกฝ่ายทั้งโรงเรียน ผู้ปกครอง องค์กรชุมชน นโยบายด้านสุขภาพ และสื่อมวลชนในการป้องกันยาเสพติดในเยาวชน ด้วยการเข้าถึงเด็กทุกคนและทุกครอบครัว โดยหลักสูตรของโรงเรียนมัธยมต้นทำหน้าที่เป็นแกนของโปรแกรม ใช้การบ้านกับกิจกรรมในครอบครัวเป็นเครื่องเสริมพลัง โดยมีองค์ประกอบด้านนโยบายกับสื่อเข้ามาประกอบส่วนด้วย มีการศึกษาวิจัยติดตามระยะยาว ซึ่งผลพบว่าสามารถสร้างผลกระทบอย่างมีนัยยะสำคัญในการลดสารเสพติดและส่งผลทางบวกไปจนถึงช่วงวัยผู้ใหญ่
อะไรคือองค์ประกอบหลักของโปรแกรมป้องกันบนฐานงานวิจัย
ในระยะไม่กี่ปีที่ผ่านมา งานวิจัยจำนวนมากได้พิสูจน์ว่า เกิดผลจริง โปรแกรมเหล่านี้ถูกนำไปทดลองในหลากหลายพื้นที่ หลากหลายชุมชน และหลากหลายกลุ่มเป้าหมาย การทดสอบยืนยันว่า ผลของโปรแกรมที่เกิดกับกลุ่มที่ได้รับการส่งเสริม หรือที่เรียกว่า “กลุ่มทดลอง” เปรียบเทียบได้ชัดเจน กับผลที่เกิดกับกลุ่มที่ไม่ได้ส่งเสริมดๆ ที่เรียกว่า “กลุ่มควบคุม”
องค์ประกอบสำคัญที่เป็นปัจจัยความสำเร็จของโครงการได้แก่
- Structure — แต่ละโปรแกรมนั้นมีการจัดตั้งและก่อตัวอย่างไร
- Content — ข้อมูล ทักษะและกลยุทธ์ได้รับการนำเสนอต่อชุมชนอย่างไร
- Delivery — โปรแกรมได้รับการคัดเลือก มีการปรับหรือดำเนินการ และวัดผลอย่างไรในแต่ละชุมชนที่แตกต่างกัน
เมื่อมีการประยุกต์โปรแกรมให้สอดคล้องกับบุคลิกลักษณะของแต่ละชุมชน ก็เป็นความสำคัญที่จะต้องรักษาองค์ประกอบหลักเหล่านี้ให้มั่น เพื่อให้มั่นใจว่า ด้านที่มีประสิทธิผลมากที่สุดของโปรแกรมยังได้รับการนำไปดำเนินการ องค์ประกอบหลักต่างๆ จะช่วยให้สร้างประสิทธิผลให้กับโปรแกรมป้องกันที่ใช้งานวิจัยเป็นฐาน
Structure
- โครงสร้างจะเป็นตัวบอกถึง แบบของโครงการ กลุ่มเป้าหมาย และ setting
- โปรแกรมที่ใช้โรงเรียนเป็นฐาน ถือเป็นแนวทางพื้นฐานในการเข้าถึงเด็กทุกคน
- โปรแกรมที่ใช้ครอบครัวเป็นฐานจะส่งประสิทธิผลต่อทั้งเด็กและผู้ปกครองใน setting ที่แตกต่างกัน
- สื่อและโปรแกรมที่ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ แสดงประสิทธิผลในการเข้าถึงประชาชนในระดับชุมชนเช่นเดียวกับในระดับบุคล
งานวิจัยยังยืนยันว่า การนำโปรแกรมที่มีประสิทธิผลตั้งแต่สองโปรแกรมขึ้นไปมารวมกัน ที่เรียกว่า “Multicomponent Programs” เช่น นำครอบครัวมาทำงานร่วมกับโรงเรียน จะให้ผลดีมากกว่าทำโปรแกรมเดียว
ภายใต้การจัดกลุ่มเหล่านี้ โปรแกรมจะถูกออกแบบอย่างเฉพาะเจาะจง ให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น โปรแกรม indicated prevention program สำหรับเด็กชายที่มีความเสี่ยงสูง. ตัวอย่างของโครงการที่แยกย่อยลงไปอีก เช่น แยกเป็นเมือง/ชนบท ชาติพันธุ์ หรือกลุ่มวัยที่ต่างกัน
Setting จะบอกว่าโปรแกรมนี้จะทำที่ไหน โปรแกรมป้องกันมักจะออกแบบให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ปฐมภูมิของพวกเขา (Primary setting) เช่น เข้าถึงเด็กที่โรงเรียน แต่อย่างไรก็ตาม หลักนี้ก็ไม่ตายตัว เพราะในบางโปรแกรมที่ประสบความสำเร็จ ก็พบว่า ไม่ได้ไปทำที่พื้นที่ปฐมภูมิ แต่ไปทำในพื้นที่ที่กลุ่มเป้าหมายเกี่ยวข้อง เช่น ทำกับพ่อแม่ในโรงเรียน หรือทำโรงเรียนในองค์กรเยาวชนเป็นต้น
เนื้อหา Content
เนื้อหาประกอบด้วยสารสนเทศ การพัฒนาทักษะ วิธีการ และการให้บริการ. สารสนเทศจะรวมถึงข้อเท็จจริง เกี่ยวกับยาเสพติด และผลของยาเสพติดที่เกิดขึ้นกับกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงกฎหมายและนโยบายที่เกี่ยวข้อง การได้ข้อมูลมาแต่เฉพาะที่เกี่ยวกับยาเสพติดอย่างเดียวจะไม่ส่งประสิทธิผลในการแก้ไขปัญหา การรวบรวมสารสนเทศทุจากกมุมที่เกี่ยวข้อง จะให้ประสิทธิผลมากกว่า โปรแกรมที่รวมเอาการอบรมให้เกิดทักษะด้านการพัฒนา ปรับปรุงพฤติกรรม เช่น การสื่อสารในครอบครัว พัฒนาการด้านสังคมละอารมณ์ สมรรถนะการเรียนรู้และสังคมในเด็ก กับ การมีทักษะยั้งตนเองจากกลุ่มเพื่อนในวัยรุ่น ล้วนส่งผลดีต่อการแก้ปัญหาทั้งสิ้น
วิธีการที่ส่งผลดีต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง เช่น การจัดตั้งและบังคับใช้กฎของโรงเรียนในเรื่องสารเสพติด หรือบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่ เช่น ห้ามขายบุหรี่แก่เยาวชน บริการที่รวมถึงการให้คำปรึกษาโดยบุคลากรในโรงเรียน การให้คำปรึกษาโดยกลุ่มเพื่อน ครอบครัวบำบัด หรือการดูแลสุขภาพ ก็มีส่วนช่วยให้เกิดผล
แปลและเรียบเรียงจาก
Preventing Drug Use among Children and Adolescents :
A Research-Based Guide for Parents, Educators and Community Leaders (Second Edition), National Institute on Drug Abuse, U.S.Department of Health and Human Resources, 2003
Reference.
- Preventing Drug Use among Children and Adolescents: A Research-Based Guide for Parents, Educators and Community Leaders (Second Edition), National Institute on Drug Abuse, U.S.Department of Health and Human Resources, 2003
- https://www.thelancet.com/pdfs/journals/lancet/PIIS0140-6736(11)61239-7.pdf
- What Does It Mean When We Call Addiction a Brain Disorder? https://www.drugabuse.gov/about-nida/noras-blog/2018/03
- Tobler S.N., et al, School-Based Adolescent Drug Prevention Programs: 1998 Meta-Analysis, Journal of Primary Prevention volume 20, June 2000.