Page 148 - Executive Functions ในเด็กวัย 13-18 ปี
P. 148

ในหลักสูตร “บ้ำน” มีวิชำ “สมหญิงสมชำย” คือกำรสอนวิชำเพศศึกษำ                                  โรงเรียนจัดระบบให้มีจ่ำฝูง (มัธยม 5) และรองจ่ำฝูง (มัธยม 4) โดยมีพี่มัธยม
                                     แต่โรงเรียนปัญญำประทีปไม่ได้เน้นกำรสอนเรื่องเพศสัมพันธ์ เพรำะเด็กสำมำรถ                       6 ท�ำหน้ำที่เป็นที่ปรึกษำทีม ทั้งหมดมีกำรประชุมกันว่ำมีปัญหำอะไรเกิดขึ้นในช่วง

                                     หำควำมรู้เกี่ยวกับเพศศึกษำ เช่น กำรสวมถุงยำงหรือใช้ยำคุมจำกสื่อทั่วไป                         นั้นๆ วิเครำะห์สำเหตุว่ำเกิดจำกอะไร มีหนทำงใดบ้ำงที่จะแก้ปัญหำได้ ผลที่จะเกิด
                                     และจำกกำรเรียนวิชำสุขศึกษำ สิ่งที่โรงเรียนตั้งใจให้เด็กมำกกว่ำนั้นคือ กำรท�ำควำม              ขึ้นคืออะไรทั้งต่อตนเองและส่วนรวมก่อนตัดสินใจ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วต้องไปท�ำงำน

                                     เข้ำใจควำมแตกต่ำงระหว่ำงเพศ ทั้งควำมคิด ควำมรู้สึก กำรแสดงออก ของชำย                          กับรุ่นน้อง จะสื่อสำรสร้ำงควำมเข้ำใจและควำมร่วมมืออย่ำงไร เป็นระบบต่อเทียน
                                     และหญิงที่แตกต่ำงกัน เพื่อจะได้ปฏิบัติตัวได้อย่ำงเหมำะสมในสถำนกำรณ์ต่ำงๆ                      ที่ส�ำคัญโดยใช้หลัก อริยสัจ เป็นแนวทำงในกำรวิเครำะห์และแก้ปัญหำ

                                     เป็นเหมือนกำรติดตั้ง CCTV เข้ำไปในจิตใจของเด็กแทนกำรที่จะต้องติดตั้งกล้อง
                                     CCTV เต็มพื้นที่โรงเรียน ซึ่งกว้ำงถึง 82 ไร่                                                      กีฬาสี “พุทธปัญญา” ได้แนวคิดมำจำกประเทศญี่ปุ่น เน้นให้ทุกคนมีส่วนร่วม

                                                                                                                                   ในกำรเล่นกีฬำกันทั้งหมด กำรเลือกประเภทกีฬำจึงมีควำมส�ำคัญ จะเป็นกีฬำที่ต้อง
                                         วิชา “สมหญิงสมชาย” เป็นวิชำที่นักเรียนตั้งใจคอยกำรท�ำกิจกรรม วิชำนี้                      ใช้ควำมสำมัคคีมำกกว่ำทักษะส่วนบุคคล ทุกคนจะได้เล่นกีฬำอย่ำงน้อย 4 ประเภท

                                     แยกบ้ำนระหว่ำงหญิงชำยท�ำกิจกรรมในช่วงเวลำกลำงคืน ใช้สื่อทั่วไปที่มีอยู่ในสังคม                แพ้ชนะต่ำงได้คะแนนสะสมเป็นของทีม ไม่มีเชียร์ลีดเดอร์หรือกำรซ้อมเพลงเชียร์
                                     เช่น ละครช่อง 3 ละครเรื่อง ฮอร์โมน โฆษณำหรือสื่อที่กระตุ้นหรือยั่วยวนทำงเพศ                   อะไรทั้งสิ้น กำรเชียร์กีฬำก็ให้เป็นไปตำมธรรมชำติ ไม่ต้องจัดตั้ง หลักกำรคือ

                                     มำเปิดดูร่วมกันแล้ววิเครำะห์ ครูตั้งค�ำถำมตำมสถำนกำรณ์จริงที่อำจเกิดขึ้นได้                   เล่นกีฬำเพื่อชนะตนเอง ไม่ใช่เล่นไปเพื่อชนะคนอื่น สิ่งที่ปัญญำประทีปพัฒนำ
                                     กับทุกคน ให้นักเรียนได้ทบทวนหำค�ำตอบด้วยตนเองว่ำจะตัดสินใจอย่ำงไร                             เพิ่มเติมขึ้นมำจำกของประเทศญี่ปุ่นคือกำรเปิดวงกัลยำณมิตรทุกครั้งหลัง

                                     ตัดสินใจแล้วผลที่เกิดเป็นอย่ำงไร กระทบต่อตนเองและผู้อื่นอย่ำงไร และสำมำรถ                     กำรเล่นกีฬำเสร็จ ได้ชื่นชมกันและกัน ได้ขอโทษหรือบอกควำมในใจ ได้เปิดวงคุย
                                     ท�ำอะไรได้บ้ำงกับผลที่เกิดขึ้น ฯลฯ                                                            ท�ำควำมเข้ำใจเรื่องแพ้ชนะ แพ้แล้วรู้สึกอย่ำงไร ชนะแล้วรู้สึกอย่ำงไร เพื่อเรียนรู้

                                                                                                                                   จำกสถำนกำรณ์จริง
                                         นอกจำกบ้ำนทำงกำยภำพที่หญิงชำยแบ่งแยกไปอยู่ต่ำงหำกจำกกัน ที่

                                     โรงเรียนปัญญำประทีบยังให้นักเรียนคละชั้นคละเพศได้เลือกบ้ำน (ในโรงเรียนทั่วไป                      “ชมรมตามฉันทะ” ไม่ต่ำงจำกโรงเรียนทั่วไป แต่ก็มีส่วนที่เด็กได้เรียนรู้ฝึก
                                     มักพบเห็นกำรแบ่งกลุ่มนักเรียนเป็นสี) ที่ตนต้องกำรเข้ำไปเป็นสมำชิกทั้งหมด                      ทักษะของสมองส่วนหน้ำ ทุกต้นเทอมเมื่อนักเรียนแต่ละคนเลือกชมรมเรียบร้อย

                                     โรงเรียนมีสี่บ้ำนโดยนักเรียนเป็นผู้ตั้งชื่อบ้ำนของตน (มีเงื่อนไขว่ำชื่อต้องเกี่ยวข้อง         ทุกคนจะช่วยกันระดมควำมคิดเพื่อเขียนแผนของชมรมว่ำในเทอมนั้นมีเป้ำหมำย
                                     กับกำรเป็น “ปัญญำประทีป”) แต่ละบ้ำนมีบุคลิกของตนเองชัดเจน มีกำรหำ                             ว่ำชมรมจะท�ำอะไรให้ส�ำเร็จบ้ำง ในเงื่อนไขส�ำคัญว่ำสิ่งที่ท�ำนั้นต้องเป็นประโยชน์

                                     กิจกรรมและเลือกสรรน้องเข้ำมำอยู่ในบ้ำนทุกปีอย่ำงสนุกสนำน โรงเรียนได้ใช้ระบบ                   ต่อตนเองคือตนเองได้พัฒนำขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นคือได้ช่วยเหลือผู้อื่นหรือ
                                     บ้ำนฝึกฝนให้นักเรียนรุ่นพี่ดูแลรุ่นน้องแทนครู เหมือนพี่ดูแลน้องยำมที่พ่อแม่ไม่อยู่            ช่วยให้ผู้อื่นได้พัฒนำขึ้น ตัวอย่ำงเช่นชมรมคุกกี้ต้องกำรเรียนรู้เรื่องกำรท�ำขนมจึง

                                     บ้ำน ดูแลกันตั้งแต่มำรยำทกำรกินอำหำร รวมทั้งกำรท�ำเวรประจ�ำวันร่วมกันไป                       รวมกลุ่มกันท�ำขนมขำยผู้ปกครอง เมื่อได้ก�ำไรมำก็เอำก�ำไรไปท�ำขนมแจกน้องๆ
                                     จนถึงช่วยเหลือน้องที่มีปัญหำในกำรปรับตัวเข้ำกับเพื่อนหรือวิถีชีวิตของโรงเรียน                 นักเรียนตำบอดที่อยู่ใกล้โรงเรียนและเคยท�ำกิจกรรมร่วมกันมำ เป็นต้น











            148                                                                                                                                                                                                                  149
   143   144   145   146   147   148   149   150   151   152   153