Page 145 - Executive Functions ในเด็กวัย 13-18 ปี
P. 145
สิ้นเทอมสองของทุกปี เป็นวันที่ทั้งนักเรียนและครูทั้งโรงเรียนตั้งตำคอยผลงำน และเมื่อมีปัญหำ เด็กสำมำรถสะท้อนควำมรู้สึกของตนได้ในวงกลมกัลยำณมิตรนี้
น�ำเสนอ “โตก่อนโต” ครูมักได้เรียนรู้ว่ำเด็กๆ ท�ำได้มำกกว่ำที่คิด และในจุดที่ต้อง เด็กๆ ที่ปัญญำประทีปเมื่อเกิดปัญหำมักขอเปิดวงกลมฯ ทั้งรูปแบบที่เป็นวงกลมฯ
พัฒนำเด็กๆ ก็ได้ฝึกรับฟังเพื่อไปพัฒนำต่อ ของห้องเรียน หอ เฉพำะผู้ชำย /หญิง กลุ่มต่ำงๆ เป็นพื้นที่ที่คนไว้วำงใจซึ่งกันและกัน
เกิดวัฒนธรรม “เรำคุยกันได้” กล้ำยอมรับผิด ขอโทษ กล้ำชื่นชมคนอื่น
วิชาสัมมาธุรกิจ (มัธยม 4) เป็นวิชำที่สร้ำงกำรเรียนรู้ที่จะช่วยแก้ปัญหำของสังคม เกิดประสบกำรณ์ตรงทั้งครูและนักเรียนว่ำ “มุทิตำจิตดีอย่ำงนี้นี่เอง” ใครได้ดีแทนที่
ผ่ำนกระบวนกำรของกำรท�ำธุรกิจ เพื่อให้กำรแก้ปัญหำนั้นเกิดควำมยั่งยืน โดยใช้ทักษะ จะอิจฉำเปลี่ยนเป็น“สำธุ” และตักเตือนกันด้วยปิยวำจำ
ควำมถนัดส่วนตัวที่ได้เรียนรู้ในวิชำโตก่อนโต แล้วมำรวมกันเพื่อช่วยกันสร้ำงประโยชน์
ให้กับสังคมได้ วิชำนี้ให้นักเรียนมีควำมเข้ำใจควำมหมำยและคุณค่ำของกำรท�ำธุรกิจที่ โรงเรียนปัญญำประทีปบ่มเพำะวัฒนธรรมแห่งกำรชื่นชมและกำรท�ำอะไรเพื่อ
สุจริต กำรคุ้มครองผู้บริโภค ควำมรับผิดชอบต่อสังคม ได้เรียนรู้จำกผู้ประกอบกำรจริง ผู้อื่น "เรำให้เด็กๆ อนุโมทนำให้คนอื่นเสมอ ช่วงปิดเทอมใครท�ำงำนจิตอำสำเรำก็จะ
ว่ำเกิดกระบวนกำรค้นหำตนเอง ท�ำตำมสิ่งที่ตนเองเชื่ออย่ำงไร ได้เห็นล�ำดับขั้นตอน เชิญมำคุยอนุโมทนำในควำมงำมที่เขำท�ำอยู่เป็นประจ�ำ เรำชมที่กระบวนกำร ไม่ชมที่
กำรท�ำธุรกิจและได้ลงมือคิดโครงกำรกิจกรรมตำมที่ได้เรียนรู้จำกประสบกำรณ์จริงของ ผล เป็นหลักของโรงเรียนที่ครูทุกคนทรำบ โรงเรียนไม่สร้ำงวัฒนธรรมว่ำเรำได้รำงวัล
ผู้อื่นเป็นต้น อะไรได้เหรียญทองเท่ำนั้นจึงจะมีคนชื่นชม พื้นฐำนที่โรงเรียนท�ำคือให้เด็กเห็นคุณค่ำ
ของตนเอง เห็นคุณค่ำของกำรกระท�ำ ถ้ำเป็นเรื่องที่นักเรียนประพฤติไม่ดีเรำก็จะ
วิชาสื่อสารเป็น (มัธยม 5) ให้นักเรียนได้เรียนรู้เรื่องกำรสื่อสำร โดยเริ่มจำก ไม่ต�ำหนิว่ำเด็กไม่ดี เรำบอกว่ำพฤติกรรมอย่ำงนี้ไม่ดีต้องแก้ไข”
กำรกลับเข้ำมำสื่อสำรกับตัวเองก่อน ว่ำพฤติกรรมที่เรำแสดงออกเกิดจำกควำมรู้สึก
ควำมคิด และควำมเข้ำใจอะไร เมื่อสื่อสำรกับตัวเองเข้ำใจดีแล้ว จึงเรียนรู้กำรสื่อสำร วิชาแกะสลักชีวิต (มัธยม 6) เป็นวิชำที่ให้นักเรียนได้กลับมำทบทวนเป้ำหมำย
กับผู้อื่น ซึ่งไม่ได้จ�ำกัดเฉพำะที่เนื้อหำของสำรที่จะสื่อเท่ำนั้น แต่รวมถึงกำรแสดงออก ชีวิตของตัวเองก่อนจะจบม.6 จำกโรงเรียนไป หลักคิดที่โรงเรียนได้จำกพระอำจำรย์
ทำงร่ำงกำย สีหน้ำ ท่ำทำง น�้ำเสียง ที่มีผลต่อกำรรับรู้มำกกว่ำเนื้อหำของสำรอีก และ ชยสำโรคือ “กำรแกะสิ่งที่ไม่ใช่ออกไป” สิ่งที่จะแกะออกไป คือ กิเลสของตัวเอง
ยังเรียนรู้ควำมแตกต่ำงของแต่ละบุคคล สำรที่เหมือนกัน แต่กำรรับรู้ของแต่ละคน นักเรียนจะได้ทบทวนตัวเองและตั้งเป้ำในกำรแกะสิ่งไม่ดีออกไป เช่น ควำมกลัวที่เกิด
ต่ำงกัน เพรำะอะไร แล้วเขำควรสื่อสำรอย่ำงไรให้คนรับสำรเข้ำใจอย่ำงที่อยำกให้ จำกควำมคิดว่ำถูกเปรียบเทียบอยู่ตลอดเวลำ เป็นต้น นอกจำกนี้ เด็กยังได้เรียนรู้เรื่อง
เขำเข้ำใจ ไม่เกิดปัญหำขัดแย้งเพรำะเข้ำใจผิด เป็นต้น ทิศทั้ง 6 ในเรื่องกำรสร้ำงปฏิสัมพันธ์กับคนที่แตกต่ำง กำรเรียนกำรสอนเน้นให้เด็ก
ได้เรียนรู้ผ่ำนประสบกำรณ์ตรงและเรื่องรำวที่เกิดขึ้นจริงในสังคมที่ก�ำลังเป็นที่สนใจ
กิจกรรม “วงกลมกัลยาณมิตร” เป็นกิจกรรมที่ให้นักเรียนท�ำตั้งแต่มัธยม 1 โดยครูสำมำรถสร้ำงสรรค์กิจกรรมมำจัดกำรเรียนรู้ได้อย่ำงหลำกหลำยเพื่อท�ำให้เด็ก
โดยในแต่ละสัปดำห์ จะจัดให้มีวงกลมกัลยำณมิตรในห้องเรียน 1 ครั้ง และในหอพัก ได้มีทักษะจริงไปใช้ในกำรด�ำเนินชีวิต รวมทั้งกำรได้ไปฝึกงำน (เป็น “เงำตำมงำน”)
1 ครั้ง และจะมีวงกลมกัลยำณมิตรวงใหญ่ทั้งโรงเรียนก่อนปิดเทอมทุกครั้ง กิจกรรมนี้ กับคนที่ท�ำงำนในสำยงำนที่ตนสนใจ
ใช้เป็นเครื่องมือในกำรให้นักเรียนสื่อสำรกัน สร้ำงควำมไว้วำงใจซึ่งกันและกัน ใน
วงกลมฯ มีทั้งกำรขอบคุณ ขอโทษ และชื่นชมกันและกันเมื่อมีใครท�ำอะไรได้ดีหรือท�ำดี
144 145