Page 60 - Executive Functions ในเด็กวัย 13-18 ปี
P. 60

8.  กำรวำงแผนและจัดกำรงำนให้ส�ำเร็จ : Planning and Organizing                                                          9. กำรมุ่งเป้ำหมำย : Goal-directed Persistance

                                       คือทักษะที่สมองส่วนหน้ำสำมำรถท�ำให้สิ่งที่คิดเกิดเป็นจริงในทำงปฏิบัติ                                                  เป็นควำมพำกเพียรเพื่อบรรลุเป้ำหมำยและจดจ�ำข้อมูลนี้ไว้ในใจตลอดเวลำที่
                                     เป็นกำรน�ำควำมคำดหวังที่มีต่อเหตุกำรณ์ในอนำคตมำท�ำให้เป็นรูปธรรม เริ่มตั้งแต่                                          ท�ำงำนตำมแผนจนกว่ำจะไปถึงเป้ำหมำย ทักษะนี้ยังรวมหมำยถึงกำรมีควำมใส่ใจ

                                     กำรน�ำเอำส่วนประกอบที่ส�ำคัญมำเชื่อมต่อกันเป็นกำรตั้งเป้ำหมำย กำรเห็นภำพ                                               ในเรื่องเวลำ (sense of time) กับควำมสำมำรถในกำรสร้ำงแรงจูงใจให้ตนเองและ
                                     รวมทั้งหมดของงำน จัดล�ำดับควำมส�ำคัญ จัดระบบด�ำเนินกำร บริหำรเวลำและ                                                   ติดตำมควำมก้ำวหน้ำของเป้ำหมำยอย่ำงต่อเนื่อง นั่นหมำยควำมถึงกำรก่อรูปนิสัย

                                     ทรัพยำกร ก�ำหนดกิจกรรมฯลฯ เพื่อน�ำไปสู่ควำมส�ำเร็จตำมเป้ำหมำยที่ตั้งไว้                                                ที่เมื่อตั้งใจและลงมือท�ำสิ่งใดแล้วจะมุ่งมั่นอดทนฝ่ำฟันอุปสรรคใดๆ ไปสู่ควำมส�ำเร็จ
                                     planning and organizing เป็นทักษะ meta cognitive (กำรรู้คิด) เรื่องแรกที่เกิด                                          ควำมสำมำรถนี้เห็นได้ตั้งแต่เล็กๆ เช่น ควำมพยำยำมผูกเชือกรองเท้ำ กลัดกระดุม

                                     ขึ้นมำในช่วงชีวิตปฐมวัยเมื่อจ�ำได้ว่ำเป้ำหมำยคืออะไร อดใจได้ไม่เถลไถลท�ำอย่ำง                                          เสื้อจนส�ำเร็จ ควำมพยำยำมที่จะปีนบันไดโค้งให้ได้ เป็นต้น
                                     อื่น ตั้งใจท�ำงำน (ง่ำยๆ ตำมพัฒนำกำร) ได้เสร็จ ปรับเปลี่ยนควำมคิด แก้ปัญหำได้

                                     ด้วยตนเอง พบอุปสรรคก็มุมำนะพยำยำมหำวิธีกำรต่ำงๆ ท�ำงำนจนส�ำเร็จ ไม่ท้อ
                                     ง่ำย เด็กที่มีปัญหำเรื่องนี้จะท�ำอะไรไม่เป็นระเบียบ หำของไม่เจอ เป็นต้น
                                                                                                                                   ทักษะสมอง EF ใช้เมื่อไหร่




                                                                                                                                     ในระบบชีวิต กำรท�ำงำนของสมองเป็นระบบที่ซับซ้อนมำกที่สุด ทักษะสมอง EF จะเข้ำมำท�ำงำน

                                                                                                                                   ในเวลำที่เรำอยู่ในสถำนกำรณ์ที่ไม่คุ้นเคย ไม่ว่ำจะเป็นกำรเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ อยู่ในที่ใหม่ๆ อยู่ใน

                            เมื่อเด็กได้พัฒนำทักษะสมอง EF สอดคล้องเต็มศักยภำพ เมื่อจบชั้นอนุบำลโดยพื้นฐำนเด็ก                      สถำนกำรณ์ที่ไม่เป็นไปตำมคำด ซึ่งในชีวิตจริงมีสถำนกำรณ์เช่นนี้เกิดขึ้นตลอดเวลำ ทักษะสมอง EF
                          ควรจะมีทักษะสมอง EF 5 เรื่องคือ สำมำรถจ�ำเพื่อใช้งำน หยุดตัวเองได้ เปลี่ยนควำมคิดเป็น                    จะเข้ำมำมีบทบำทบริหำรจัดกำรวงจรประสำทส่วนต่ำงๆ ที่เกี่ยวข้องให้ประสำนท�ำงำนร่วมกัน
                          ควบคุมอำรมณ์ตนเองได้ วำงแผนและจัดกำรเรื่องง่ำยๆ ตำมวัย สะท้อนออกมำเป็นเด็กนิสัยดี                        แล้วตอบสนองออกไปเป็นกำรคิด เลือกตัดสินใจว่ำในสถำนกำรณ์เช่นนั้นเรำจะท�ำอย่ำงไร ซึ่งจะส่งผลถึง

                          เฉลียวฉลำด ที่เกิดจำกประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ฝึกฝนด้วยตนเอง จำกโอกำสและกำรสนับสนุน                          เป้ำหมำยที่ตั้งไว้หรือต้องกำรไปให้ถึง ในขณะเดียวกันก็บริหำรจัดกำรให้เกิดวงจรประสำทใหม่ๆ ในกำร

                          ของครูและผู้ปกครอง จำกนั้นเรื่องควำมสำมำรถในกำรอ่ำนเขียนและทักษะทำงวิชำกำรก็จะเป็น                       เรียนรู้ขึ้นมำ
                          เรื่องง่ำยที่จะเรียนรู้ต่อไป เด็กเล็กที่มีปัญหำเรื่องทักษะสมอง EF นั้นปัญหำจะไม่หำยไปเอง เมื่อ
                          เติบโตขึ้นต้องเรียนและรับผิดชอบสูงขึ้น ควำมบกพร่องจะยิ่งส่งผลต่อตนเองมำกขึ้นตั้งแต่เรื่อง                  เมื่อสถำนกำรณ์เริ่มเป็นที่คุ้นเคย ทักษะสมอง EF จะท�ำงำนน้อยลง สมองส่วนอื่นจะเข้ำมำรับหน้ำที่

                          ไม่มีสมำธิ เรียนไม่ดี ติดบุหรี่ เหล้ำ กำรพนัน ยำเสพติด ได้ง่ำย รวมทั้งโรคจิตเภท ไม่ว่ำโรค                แทน กำรจัดกำรเรียนรู้ในโรงเรียนนั้นหำกเด็กได้ท�ำแต่เรื่องที่ท�ำเป็นประจ�ำซ�้ำๆ โอกำสได้ฝึกทักษะสมอง

                          ซึมเศร้ำ ย�้ำคิดย�้ำท�ำ                                                                                  EF ก็จะน้อยลงไป












            60                                                                                                                                                                                                                    61
   55   56   57   58   59   60   61   62   63   64   65