Page 51 - Executive Functions ในเด็กวัย 7-12 ปี
P. 51

EF- Executive Functions  สมองส่วนบริหาร  ระบบลิมบิก (Limbic System)




   EF ท�าไมถึงชื่อว่าบริหาร-Executive    ระบบลิมบิกอยู่ในสมองส่วนอารมณ์หรือสมองส่วนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งมนุษย์
   เพราะเวลาท�างานจะเป็นผู้สั่งการ เมื่อแอนทีเรียร์ซิงกูเลตคอร์เทกซ์ส่งสัญญาณ   ทุกคนถูกยีน (gene) ก�าหนดมาแล้ว รวมทั้งเรื่องของความผูกพันด้วย ท�าไมเด็กเล็กๆ

 บอกว่า นี่เป็นข้อมูลใหม่ เป็นข้อมูลที่เป็นปัญหา เป็นข้อมูลที่ต้องใช้การวิเคราะห์  เมื่อเกิดมาถึงยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ นั่นเป็นเพราะว่ายีนของมนุษย์ถูกก�าหนดไว้แล้ว
 แก้ไขปัญหา ไรท์พรีฟรอนทัลคอร์เทกซ์ (right prefrontal cortex) จะไปควบคุม   ว่าจะต้องโตขึ้นมาจากความผูกพัน เป็นความรู้สึกผูกพันในการที่จะอยู่บนโลกใบนี้

 อมิกดาลาทันที เพื่อให้เกิดการยับยั้งชั่งใจ (inhibit) เกิดการควบคุมอารมณ์    มีส่วนร่วมกับสังคมและโลก มนุษย์เป็นสัตว์สังคมซึ่งไม่เหมือนม้าที่เมื่อคลอดออกมาแล้ว
 ตัวฮิปโปแคมปัสที่เก็บความจ�าระยะยาวที่สมองส่วนนี้จะดึงความจ�าระยะยาวหรือ  ก็วิ่งได้ทันที มนุษย์มียีนที่ยังต้องการความรักและความผูกพันอยู่

 ประสบการณ์เดิมขึ้นมา เพื่อประมวลข้อมูลใหม่ แล้วตัดสินใจแสดงออกมาเป็น    หลักการทางจิตวิทยาหรือทางวิทยาศาสตร์ล้วนบอกว่า สิ่งมีชีวิตแต่ละเผ่าพันธุ์ที่มี
 พฤติกรรม      ความผูกพันกันจะต้องมียีนตัวนี้อยู่ ยกตัวอย่างเช่นการทดลองเรื่องลูกห่าน โดยปกติ

   EF ไม่ได้ท�างานอย่างโดดเดี่ยว แต่เป็นตัวบริหารจัดการ ท�าหน้าที่ควบคุมอมิกดาลา   เมื่อลูกห่านฟักออกจากไข่จะเดินตามแม่ ดร. คอนราด ลอเรนซ์ (Dr. Conrad Lorenz)
 หรือควบคุมอารมณ์ และดึงประสบการณ์เดิมหรือความจ�าระยะยาวออกมาจาก  นักสัตววิทยา ได้ตั้งสมมติฐานว่า ลูกห่านจะต้องมีพฤติกรรมตามที่ยีนหรือพันธุกรรม

 ฮิปโปแคมปัส เพื่อท�าการประมวลแล้วแสดงออกมาเป็นการตัดสินใจ การแก้ไข  ปลูกฝัง จากนั้นเขาจึงทดลองฟักไข่ห่านโดยโอบกอดไข่ทุกวัน จนเมื่อลูกห่านฟักตัวออก
 ปัญหา หรือพฤติกรรม นี่คือหน้าที่ของทักษะสมอง EF หากว่าพ่อแม่ผู้ดูแลสอนมา  มาจากไข่ ก็ให้มองหน้าเขาทันที ปรากฏว่าต่อมาลูกห่านเดินตามเขา ไม่เดินตามแม่ นี่เป็น

 ตั้งแต่เด็ก เส้นทางการเดินของข้อมูลจะง่ายขึ้น แล้วทุกอย่างจะได้รับการปลูกฝัง   ยีนที่ปลูกฝังไว้แล้วว่าเมื่อห่านแรกฝักจากไข่มองหน้าใคร ใครคนนั้นคือที่พึ่ง แล้วห่านก็
 เอาไว้ จนกลายเป็น “สันดาน” ที่สร้างสรรค์   แสดงออกถึงความผูกพันแบบห่าน คือเดินตามคนเมื่อเริ่มต้นชีวิต ซึ่งผลการทดลองเป็น

               ไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ ส่วนมนุษย์จะแสดงออกอีกอย่างหนึ่ง
 EF- Executive    ในมนุษย์ เมื่อลูกดูดนมแม่ จะมีฮอร์โมนออกซิโทซินหลั่งออกมา ท�าให้ทั้งลูกและแม่

           Functions  มีความสุข มีความรู้สึกรักและผูกพันกัน เก็บเป็นความจ�าระยะยาว อมิกดาลารู้สึกพึงพอใจ

               เก็บไว้เป็นความจ�าที่ดี เป็นประสบการณ์ที่ดี นอกจากนี้ยังช่วยแม่หลังคลอดที่อยู่ในช่วง

               ที่เรียกว่า “มาม่าบลู” ให้กลับมาเป็นปกติได้โดยเร็วอีกด้วย ในแม่หลังคลอดร่างกาย
               จะหลั่งฮอร์โมนตัวหนึ่งออกมา เพื่อที่จะช่วยให้แม่ฟื้นตัวได้ไว แต่ก็มาพร้อมกับความเหงา

               เครียด ท�าให้แม่ซึมเศร้าได้ แต่ความสุข ความผูกพันระหว่างแม่กับลูกที่อยู่ในความจ�า
               ระยะยาว ซึ่งเป็นอารมณ์ความรู้สึกที่ดีจะช่วยท�าให้ความเศร้า เหงา เครียดนั้น ไม่แสดงออก

               มา เพราะฉะนั้นการที่ให้ลูกดูดนมแม่จะเป็นการช่วยซึ่งกันและกันระหว่างแม่กับลูก
                 ส่วนตัวลูกท�าไมถึงจะต้องมองเห็นได้ชัดในระยะ 1 ฟุต ไกลกว่านั้นถึงมองไม่เห็น

               เพราะยีนก�าหนดมาแล้วว่าให้มองได้ไกลแค่นี้พอ จะได้โฟกัสเห็นหน้าแม่อย่างเดียว
               เมื่อลูกดูดนมมองหน้า แล้วจ�ากันได้ทันที นี่คือแม่นี่คือลูก พ่อที่หยอกล้อกับลูก ได้สบตา

               กัน ลูกก็จะจ�าได้ และรู้ว่านี่คือพ่อนี่คือลูกเช่นกัน


 50                                                                                                           51
   46   47   48   49   50   51   52   53   54   55   56