Page 55 - Executive Functions ในเด็กวัย 7-12 ปี
P. 55
เด็กวัย 7-12 ปี อยู่ในช่วงวัยเด็กตอนปลาย เรียกว่าวัยเรียน (school age) ★ พัฒนาการด้านสติปัญญา: ใช้ความคิดด�าเนินการเชิงรูปธรรม
เป็นช่วงวัยที่เริ่มเรียนวิชาการจริงจัง มีโรงเรียนเป็นศูนย์กลางประสบการณ์ ด้านสติปัญญาหรือการรู้คิด ตามแนวคิดของเพียเจต์ (Jean Piaget) นักจิตวิทยา
ของเด็ก ประสบการณ์ทั้งหลายที่ได้รับจากโรงเรียนจึงมีส่วนส�าคัญอย่างมาก ซึ่งได้อธิบายพัฒนาการมนุษย์อย่างชัดเจนโดยใช้หลักของกระบวนการคิดเป็นส�าคัญ
ต่อพัฒนาการของเด็กวัยนี้ อธิบายว่าเด็กไม่ได้เกิดมาพร้อมกับความรู้และความคิด เด็กเรียนรู้จากโลกภายนอก
รอบตัว จากประสบการณ์การเลี้ยงดู และจากประสบการณ์ที่โลกได้มอบให้ และ
ภาพรวมของพัฒนาการด้านต่างๆ ในวัยเด็กตอนปลายเป็นช่วงของ concrete operation คือเรียนรู้สิ่งต่างๆ อย่างที่เป็น
รูปธรรม จ�ากัดอยู่เฉพาะแค่สถานการณ์ที่ปรากฏจริง ยังไม่สามารถคิดเชิงนามธรรม
★ พัฒนาการด้านร่างกาย : ไม่อยู่นิ่ง และตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับสิ่งที่ควรจะเป็น เด็กคิดได้แต่สิ่งที่เห็นในปัจจุบัน เห็นอยู่
พัฒนาการทางร่างกายเป็นไปในอัตราที่ช้ากว่าวัยที่ผ่านมา แต่ด�าเนินไปอย่างสม�่าเสมอ เบื้องหน้า ไม่ใช่สิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น เช่นถ้าพูดว่า “ครูอยากให้หนูเป็นเด็กดี” ต้องอธิบาย
เป็นผลให้การเปลี่ยนแปลงขนาดและสัดส่วนในแต่ละปีมีความเด่นชัดน้อยกว่า ค�าว่า “เด็กดี” คือ ต้องการให้ส่งการบ้านให้ตรงเวลา หรือเด็กมีหน้าที่ต้องท�าอะไรบ้าง
เด็กมีร่างกายแข็งแรงขึ้นกว่าช่วงก่อน ควบคุมร่างกายได้ดีขึ้นทั้งด้านการประสาน นอกจากนั้น สิ่งที่ต่างจากวัยเด็กตอนต้นคือมีเหตุผลมากขึ้น การคิดเริ่มเป็นระบบ
ร่างกายทั้งหมด ด้านการทรงตัว การเคลื่อนไหวร่างกาย และการท�ากิจกรรมที่ใช้ การยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางลดลง
ความประณีต จึงชอบใช้ร่างกายในการปีนป่าย เคลื่อนไหว ท�าสิ่งต่างๆ เรียกได้ว่า
เป็นวัยที่ไม่อยู่นิ่ง ซน อยากรู้อยากเห็น ชอบท�ากิจกรรม ชอบลงมือท�าโน่นท�านี่ พัฒนาความคิดเชิงรูปธรรม
และโดยทั่วไปเด็กผู้หญิงจะมีวุฒิภาวะทางร่างกายเร็วกว่าเด็กผู้ชาย เด็กวัยนี้พัฒนาความคิดถึงขั้นรูปธรรม ซึ่งอาจจ�าแนกได้เป็น 3 ลักษณะใหญ่ คือ
เด็กวัยนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของใบหน้าที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนคือ 1) ความสามารถในการแยกประเภท (classification) หมายถึงความสามารถ
ใบหน้าผอมลง เนื่องจากไขมันในวัยทารก (baby fat) เริ่มหายไป ฟันน�้านม จัดกลุ่มตามคุณลักษณะที่มีอยู่ร่วมกัน เช่น สี รูปร่าง ขนาด เนื้อหาสาระ หน้าที่
จะเริ่มหลุดในระหว่างปีที่ 6 ฟันแท้จะงอกมาแทนที่ฟันน�้านมที่หลุดไป ท�าให้ เด็กวัยนี้จึงสามารถจัดหมวดหมู่ของสิ่งต่างๆ ได้เป็นระบบ ระเบียบ เช่น เหรียญ
ขากรรไกรขยายออกและใบหน้าเปลี่ยนรูป เมื่อฟันน�้านมหลุดและฟันแท้ยังไม่งอก และในแต่ละประเภทก็สามารถจัดประเภทย่อยๆ ได้ตามคุณลักษณะต่างๆ
ขึ้นมา ท�าให้เห็นช่องโหว่ของฟัน วัยนี้จึงมีสมญาว่า “ลูกเป็ดขี้เหร่” 2) ความสามารถในการจัดล�าดับ (seriation) หมายถึงความสามารถจัดล�าดับ
สิ่งต่างๆ ตามมิติเชิงปริมาณ เช่น ความยาว น�้าหนัก สามารถเรียงไม้ที่มีความยาว
การส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย : ได้ใช้ร่างกายเพื่อเพิ่มสมรรถนะทางร่างกาย ต่างๆ กันจากสั้นที่สุดจนถึงยาวที่สุดได้
สิ่งส�าคัญที่ต้องส่งเสริมคือให้เด็กได้เคลื่อนไหว ได้ท�ากิจกรรมกลางแจ้ง เพราะ 3) ความคิดเรื่องการทรงสภาพเดิม (conservation) หมายถึงความสามารถ
สอดคล้องกับพัฒนาการของวัยที่ชอบปีนป่าย ชอบทดลองใช้ทักษะใหม่ ๆ อยากใช้ ที่จะเข้าใจสิ่งใดๆ ที่แม้มีการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอกไป ตราบเท่าที่ไม่มีอะไร
ร่างกายเพื่อจะได้ทดสอบประสิทธิภาพของอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายนั่นเอง เพิ่มเติมเข้ามาหรือตัดทอนออกไปก็ยังคงสภาพเดิม เช่น น�้าปริมาณเดิมในแก้วทรง
เนื่องจากเด็กวัยนี้มีความสามารถในการจดจ่อในสิ่งที่สนใจได้มากขึ้น มีช่วงเวลา สูงหรือแก้วทรงเตี้ยกว้าง ย่อมมีปริมาณเท่ากัน ทั้งหมดนี้เด็กวัยนี้จะเริ่มรู้จักคิดอย่าง
ของการท�ากิจกรรมที่สนใจได้ยาวนานขึ้นกว่าเดิม จึงควรหากิจกรรมที่เด็กจะได้ใช้ เป็นเหตุผล รู้ว่าความรู้และความจริงใดๆ ต้องมีกฎเกณฑ์ และกฎเกณฑ์นั้นๆ
ความสามารถทางด้านร่างกายได้อย่างเต็มที่ ไม่ได้มีขอบเขตเฉพาะการมองเห็นด้วยตาและประสาทสัมผัสเท่านั้น
54 55