Page 59 - Executive Functions ในเด็กวัย 7-12 ปี
P. 59

★ พัฒนาการด้านอารมณ์ : เข้าใจอารมณ์ตนเองและผู้อื่น  รายละเอียดของพัฒนาการ
   มีพัฒนาการทางอารมณ์มากกว่าวัยเด็กตอนต้น มีอารมณ์หลากหลายกว่า   และการส่งเสริมทักษะสมอง EF ของเด็กวัย 7-12 ปี

 วัยที่ผ่านมา เช่น โกรธ สงสาร อิจฉา เกลียด รัก ความรักที่มีไม่ใช่รักเฉพาะบุคคล
 แต่รักสัตว์เลี้ยง รักสิ่งของ วิธีการแสดงอารมณ์จะดีขึ้นกว่าช่วงวัยก่อน ควบคุม  ภาพรวม  •  เริ่มรู้จักและเข้าใจตนเองมากขึ้น จากการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ การมีปฏิสัมพันธ์

 อารมณ์ตัวเองได้มากกว่าเดิม รู้ว่าแสดงอารมณ์แบบไหนสังคมจะยอมรับ ที่ส�าคัญ    กับผู้อื่นและสิ่งแวดล้อม
                                      •  เด็กจะมองว่าตัวเองโตแล้ว ท�าอะไรเองได้แล้ว เริ่มรู้ว่าจะใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างไร
 วัยนี้เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของคนอื่นแล้ว รวมทั้งเข้าใจตัวเองด้วย   •  เริ่มเรียนเป็น สามารถนั่งเรียนคนเดียวได้

   มีความเครียด ซึ่งสาเหตุที่ท�าให้เด็กเครียดมากจนเกินไป ได้แก่ การเร่งรีบ   7 - 8 ปี  •  มีความสามารถในการสร้างสัมพันธ์กับเพื่อนเองได้ จึงชอบที่จะแสดงความสามารถ
 ความคาดหวังจากพ่อแม่และโรงเรียนในเรื่องการเรียน ขณะที่เด็กเองก็ต้องเรียนรู้     แสดงความคิดเห็น และคัดค้านค�าสั่งของผู้ใหญ่

 มีสิ่งต่างๆ เข้ามาให้ต้องรับผิดชอบ และบางคนต้องเรียนพิเศษตั้งแต่ประถม 2-3
 เพื่อเตรียมสอบเข้าเรียนชั้นมัธยม แทนที่เด็กวัยนี้จะได้ท�าสิ่งต่างๆ ตามพัฒนาการ   •  พัฒนาการที่ส�าคัญของวัยนี้คือความสามารถในการยืดหยุ่นความคิดและปรับตัวได้

 กลับต้องมาเรียนรู้ในเรื่องที่ผู้ใหญ่คิดว่าน่าจะดีส�าหรับเด็ก   •  เรียนรู้และพัฒนาความสามารถของตนเองอย่างต่อเนื่อง
                                      •  ชอบที่จะมีกิจกรรมท�า มีความสนใจหลายอย่าง อยากเรียนรู้ทุกสิ่ง

                                      •  ร่าเริง สดใส มีพลัง ชอบพูดคุย
   การส่งเสริมพัฒนาการด้านอารมณ์ : ผู้ใหญ่คือผู้สร้างพื้นฐานทางอารมณ์   8 - 9 ปี  •  มั่นใจในความสามารถของตนเองมากขึ้น ทั้งในเรื่องการเรียนรู้ การมีปฏิสัมพันธ์
 ให้กับเด็ก                             กับผู้อื่น และการก�ากับพฤติกรรมตนเอง

   มีคนเคยเปรียบเปรยว่า “ถ้าพ่อแม่จะสอนอะไรลูกขอให้สอนให้จบในวัยนี้”   •  ประสบการณ์ที่ได้รับในแต่ละวันมีความส�าคัญต่อการเรียนรู้ เพราะจะกลายเป็น
 เพราะวัยเด็กตอนปลายเป็นวัยสุดท้ายที่จะฟังพ่อแม่ ถ้าเลยวัยนี้ไปแล้วก้าวสู่วัยรุ่น     ความเชื่อ ซึ่งถ้าผู้ใหญ่ใส่ใจปลูกฝัง จะกลายเป็นค่านิยมของเด็กติดตัวไปจนโต

 เด็กจะไม่ค่อยฟังอีกต่อไป               เมื่อมีสถานการณ์ท้าทายต่างๆ เข้ามาก็จะน�าความเชื่อและค่านิยมนี้ไปเป็นฐานคิด
   เพราะวัยนี้เด็กยังต้องการเป็น “เด็กดี” และพ่อแม่เป็นฮีโร่ของลูก ดังนั้นสิ่งใด

 ที่มุ่งหวังในการพัฒนาเด็ก ควรต้องท�ามาอย่างสม�่าเสมอตั้งแต่ช่วงปฐมวัยจนถึง   •  เป็นวัยที่สร้างความมั่นใจในตนเองอย่างต่อเนื่อง สามารถควบคุมก�ากับตนเอง
 วัยนี้ให้มาก มิฉะนั้นเด็กจะเติบโตมากับสิ่งที่ได้รับ เช่น ถ้าได้รับค�าต�าหนิย่อมสงสัย    ได้ดีขึ้น

 ในศักยภาพของตัวเอง หากเติบโตมากับความเมินเฉยหรือถูกประจานอยู่ตลอดเวลา   9 - 10 ปี  •  มีความรู้สึกดีกับตัวเอง เมื่อลองท�าสิ่งใดแล้วได้ผล หรือเมื่อเรียนแล้วประสบ
 จะไม่รู้ค่ารู้ความหมายของตัวเอง รู้สึกว่าท�าอะไรก็ผิดไปหมด หรือถ้าโตมาพร้อมกับ    ความส�าเร็จ ความรู้สึกนี้จะช่วยพัฒนาความเชื่อ ค่านิยมของตนเอง ซึ่งได้รับมาจาก

 ความกลัว จะกลายเป็นคนที่กังวลทุกเรื่องราว     ประสบการณ์ จากสถานการณ์ที่ได้เผชิญ ได้แก้ปัญหา และได้ตัดสินใจ
   แต่ถ้าเติบโตมากับก�าลังใจ ย่อมเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเอง เพราะคุณค่าของเด็ก   •  รับรู้เกี่ยวกับความคิด อารมณ์ ความรู้สึกของตนเองชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

 มาจากค�ายกย่องชมเชย ถ้าจะให้เด็กนับถือตัวเอง พ่อแม่หรือผู้ใหญ่ต้องยอมรับนับถือ    การพัฒนาความภาคภูมิใจในตัวเอง
 เด็กก่อน ถ้าอยากให้เด็กรักคนอื่น ก็ต้องให้โตมาด้วยความรัก ถ้าอยากให้เด็กรู้สึก  10  - 11 ปี  •  เข้าใจได้แล้วว่าหากท�าสิ่งใดส�าเร็จจะเกิดความรู้สึกที่ดีกับตัวเองมาก การสั่งสม

 มั่นคง รู้สึกว่าโลกนี้ดี ก็ต้องให้เติบโตมากับความมั่นคงปลอดภัย และถ้าผู้ใหญ่เรา    ประสบการณ์ความส�าเร็จนี้จะพัฒนาเป็นความเชื่อและค่านิยมขึ้นในใจ แสดงออก
 อยากให้โลกนี้สงบ มีสันติสุข จะต้องให้เด็กเติบโตมากับความสงบสุขในครอบครัว     มาเป็นบุคลิก วิธีการตัดสินใจในอนาคตต่อไป




 58                                                                                                           59
   54   55   56   57   58   59   60   61   62   63   64