Page 58 - Executive Functions ในเด็กวัย 7-12 ปี
P. 58
★ พัฒนาการด้านอารมณ์ : เข้าใจอารมณ์ตนเองและผู้อื่น รายละเอียดของพัฒนาการ
มีพัฒนาการทางอารมณ์มากกว่าวัยเด็กตอนต้น มีอารมณ์หลากหลายกว่า และการส่งเสริมทักษะสมอง EF ของเด็กวัย 7-12 ปี
วัยที่ผ่านมา เช่น โกรธ สงสาร อิจฉา เกลียด รัก ความรักที่มีไม่ใช่รักเฉพาะบุคคล
แต่รักสัตว์เลี้ยง รักสิ่งของ วิธีการแสดงอารมณ์จะดีขึ้นกว่าช่วงวัยก่อน ควบคุม ภาพรวม • เริ่มรู้จักและเข้าใจตนเองมากขึ้น จากการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ การมีปฏิสัมพันธ์
อารมณ์ตัวเองได้มากกว่าเดิม รู้ว่าแสดงอารมณ์แบบไหนสังคมจะยอมรับ ที่ส�าคัญ กับผู้อื่นและสิ่งแวดล้อม
• เด็กจะมองว่าตัวเองโตแล้ว ท�าอะไรเองได้แล้ว เริ่มรู้ว่าจะใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างไร
วัยนี้เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของคนอื่นแล้ว รวมทั้งเข้าใจตัวเองด้วย • เริ่มเรียนเป็น สามารถนั่งเรียนคนเดียวได้
มีความเครียด ซึ่งสาเหตุที่ท�าให้เด็กเครียดมากจนเกินไป ได้แก่ การเร่งรีบ 7 - 8 ปี • มีความสามารถในการสร้างสัมพันธ์กับเพื่อนเองได้ จึงชอบที่จะแสดงความสามารถ
ความคาดหวังจากพ่อแม่และโรงเรียนในเรื่องการเรียน ขณะที่เด็กเองก็ต้องเรียนรู้ แสดงความคิดเห็น และคัดค้านค�าสั่งของผู้ใหญ่
มีสิ่งต่างๆ เข้ามาให้ต้องรับผิดชอบ และบางคนต้องเรียนพิเศษตั้งแต่ประถม 2-3
เพื่อเตรียมสอบเข้าเรียนชั้นมัธยม แทนที่เด็กวัยนี้จะได้ท�าสิ่งต่างๆ ตามพัฒนาการ • พัฒนาการที่ส�าคัญของวัยนี้คือความสามารถในการยืดหยุ่นความคิดและปรับตัวได้
กลับต้องมาเรียนรู้ในเรื่องที่ผู้ใหญ่คิดว่าน่าจะดีส�าหรับเด็ก • เรียนรู้และพัฒนาความสามารถของตนเองอย่างต่อเนื่อง
• ชอบที่จะมีกิจกรรมท�า มีความสนใจหลายอย่าง อยากเรียนรู้ทุกสิ่ง
• ร่าเริง สดใส มีพลัง ชอบพูดคุย
การส่งเสริมพัฒนาการด้านอารมณ์ : ผู้ใหญ่คือผู้สร้างพื้นฐานทางอารมณ์ 8 - 9 ปี • มั่นใจในความสามารถของตนเองมากขึ้น ทั้งในเรื่องการเรียนรู้ การมีปฏิสัมพันธ์
ให้กับเด็ก กับผู้อื่น และการก�ากับพฤติกรรมตนเอง
มีคนเคยเปรียบเปรยว่า “ถ้าพ่อแม่จะสอนอะไรลูกขอให้สอนให้จบในวัยนี้” • ประสบการณ์ที่ได้รับในแต่ละวันมีความส�าคัญต่อการเรียนรู้ เพราะจะกลายเป็น
เพราะวัยเด็กตอนปลายเป็นวัยสุดท้ายที่จะฟังพ่อแม่ ถ้าเลยวัยนี้ไปแล้วก้าวสู่วัยรุ่น ความเชื่อ ซึ่งถ้าผู้ใหญ่ใส่ใจปลูกฝัง จะกลายเป็นค่านิยมของเด็กติดตัวไปจนโต
เด็กจะไม่ค่อยฟังอีกต่อไป เมื่อมีสถานการณ์ท้าทายต่างๆ เข้ามาก็จะน�าความเชื่อและค่านิยมนี้ไปเป็นฐานคิด
เพราะวัยนี้เด็กยังต้องการเป็น “เด็กดี” และพ่อแม่เป็นฮีโร่ของลูก ดังนั้นสิ่งใด
ที่มุ่งหวังในการพัฒนาเด็ก ควรต้องท�ามาอย่างสม�่าเสมอตั้งแต่ช่วงปฐมวัยจนถึง • เป็นวัยที่สร้างความมั่นใจในตนเองอย่างต่อเนื่อง สามารถควบคุมก�ากับตนเอง
วัยนี้ให้มาก มิฉะนั้นเด็กจะเติบโตมากับสิ่งที่ได้รับ เช่น ถ้าได้รับค�าต�าหนิย่อมสงสัย ได้ดีขึ้น
ในศักยภาพของตัวเอง หากเติบโตมากับความเมินเฉยหรือถูกประจานอยู่ตลอดเวลา 9 - 10 ปี • มีความรู้สึกดีกับตัวเอง เมื่อลองท�าสิ่งใดแล้วได้ผล หรือเมื่อเรียนแล้วประสบ
จะไม่รู้ค่ารู้ความหมายของตัวเอง รู้สึกว่าท�าอะไรก็ผิดไปหมด หรือถ้าโตมาพร้อมกับ ความส�าเร็จ ความรู้สึกนี้จะช่วยพัฒนาความเชื่อ ค่านิยมของตนเอง ซึ่งได้รับมาจาก
ความกลัว จะกลายเป็นคนที่กังวลทุกเรื่องราว ประสบการณ์ จากสถานการณ์ที่ได้เผชิญ ได้แก้ปัญหา และได้ตัดสินใจ
แต่ถ้าเติบโตมากับก�าลังใจ ย่อมเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเอง เพราะคุณค่าของเด็ก • รับรู้เกี่ยวกับความคิด อารมณ์ ความรู้สึกของตนเองชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
มาจากค�ายกย่องชมเชย ถ้าจะให้เด็กนับถือตัวเอง พ่อแม่หรือผู้ใหญ่ต้องยอมรับนับถือ การพัฒนาความภาคภูมิใจในตัวเอง
เด็กก่อน ถ้าอยากให้เด็กรักคนอื่น ก็ต้องให้โตมาด้วยความรัก ถ้าอยากให้เด็กรู้สึก 10 - 11 ปี • เข้าใจได้แล้วว่าหากท�าสิ่งใดส�าเร็จจะเกิดความรู้สึกที่ดีกับตัวเองมาก การสั่งสม
มั่นคง รู้สึกว่าโลกนี้ดี ก็ต้องให้เติบโตมากับความมั่นคงปลอดภัย และถ้าผู้ใหญ่เรา ประสบการณ์ความส�าเร็จนี้จะพัฒนาเป็นความเชื่อและค่านิยมขึ้นในใจ แสดงออก
อยากให้โลกนี้สงบ มีสันติสุข จะต้องให้เด็กเติบโตมากับความสงบสุขในครอบครัว มาเป็นบุคลิก วิธีการตัดสินใจในอนาคตต่อไป
58 59