Page 80 - Executive Functions ในเด็กวัย 7-12 ปี
P. 80

สถานการณ์ที่จะส่งเสริมทักษะสมอง EF
                                       กระบวนการสร้างปลอกหุ้มประสาทขาออก (Myelination)
                                       การสร้างปลอกหุ้มประสาทหรือไมอีลินเกิดขึ้นเพื่อให้กระแสประสาทวิ่งได้เร็วขึ้น                   ผศ.ดร. ปนัดดา ธนเศรษฐกร ได้เคยบรรยายไว้ว่า ทักษะสมอง EF จะเกิดขึ้น
                                     กว่าเดิมเป็นพันๆ เท่า การพัฒนากระบวนการนี้เกิดจากการท�างาน การฝึกแก้ปัญหา                     เมื่อเด็กต้องพบกับ 6 สถานการณ์ ได้แก่ สถานการณ์ที่ต้องวางแผน ต้องตัดสินใจ ต้องแก้ไข
                                     จากการลงมือท�า ลงมือแก้ปัญหาเป็นประจ�าจนเกิดเป็นความช�านาญ เป็นทักษะ                          ปัญหา ต้องใช้วิธีการใหม่ ต้องใช้ทักษะเฉพาะทาง ต้องใช้ความมานะ อดทน มุ่งมั่น

                                                                                                                                   ดังนั้นการเรียนในชั้นประถมศึกษาทั้ง 6 ปี ครูควรท�าให้เด็กได้เผชิญกับ 6 สถานการณ์นี้
                                       สมองส่วนอารมณ์ (Limbic) โดดเด่นในช่วงวัยรุ่น                                                ทุกวัน ทักษะสมอง EF จึงจะพัฒนาได้เร็ว ในทางตรงกันข้าม ถ้าเด็กคนใดผ่านชั้นประถม
                                       ในช่วงวัย 12-15 ปี เด็กจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ซึ่งสมองส่วนอารมณ์จะโดดเด่นในเรื่อง             โดยไม่ได้เผชิญ 6 สถานการณ์นี้เลย ก็อาจจะไม่มีฐานในการพัฒนาตัวเองต่อไป
                                     อารมณ์ที่รุนแรง เด็กจึงใช้อารมณ์ตัวเองเป็นหลัก และไม่ฟังพ่อแม่ แต่หากได้เตรียม

                                     สมองส่วน EF ไว้คอยก�ากับควบคุม ก็จะพอช่วยลดความรุนแรงได้                                      สภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมทักษะสมอง EF
                                       ความรู้เกี่ยวกับเรื่องสมองเหล่านี้บอกเราว่าต้องรีบท�างานกับเด็กในวัยนี้ จะปล่อย
                                     ให้ผ่านไปโดยไม่ท�าอะไรเลยไม่ได้                                                                 ในเด็กช่วง 7 ปีแรกของชีวิต สภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมทักษะสมอง EF มี 3 ด้านคือ
                                                                                                                                   สภาพแวดล้อมในบ้าน สภาพแวดล้อมนอกบ้าน และสภาพแวดล้อมในโรงเรียน
                                     วัยขยันขันแข็ง (Industry Stage)                                                               สภาพแวดล้อมในบ้านและสภาพแวดล้อมนอกบ้านเป็นสภาพแวดล้อมที่มีพ่อแม่
                                                                                                                                   ส่วนสภาพแวดล้อมในโรงเรียนมีครู
                                       เด็กวัยประถม อยู่ในช่วงระยะที่เรียกว่า industry ซึ่งอยู่ที่บันไดขั้นที่ 4 ตามทฤษฎี
                                     พัฒนาการของ Erick Erikson ค�าว่า industry จึงเป็นค�าส�าคัญของเด็กวัยนี้ จะเห็นว่าในช่วง         1) สภาพแวดล้อมในบ้าน

                                     วัยนี้พอตื่นมาตอนเช้าก็มีเป้าหมายเพื่อ industry อยากเจอมนุษย์คนอื่น ต้องไปแข่งขัน               สภาพแวดล้อมที่จะท�าให้เกิดทักษะสมอง EF ได้ดีในบ้าน ควรผ่านกิจกรรม
                                     (compete) กับเพื่อนกับคนอื่น ต้องหาทางประนีประนอม (compromise) และร่วมมือ                     การเล่นต่างๆ นานา เช่น การเล่นบทบาทสมมติ การเล่นกระดาษ ฉีก ชุบน�้า ตัดปะ ปั้น
                                     (coordinate) ให้ได้ เรียกกระบวนการนี้ว่า 3C เด็กวัยประถมมักจะทะเลาะกัน ตีกัน                  การเล่นบล็อกไม้ หรือเล่นอย่างอิสระ พ่อแม่นั่งเล่นที่พื้น เล่นด้วยกันกับลูก การเล่น
                                     แต่แรงผลักทางจิตวิทยาจะบังคับให้เด็กหาทางลงกันจนได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง                        ในบ้านนั้น อุปสรรคส�าคัญของพ่อแม่คือโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต ควรเอาออกไปขณะ

                                                                                                                                   เล่นกับลูก พ่อแม่ควรถามตัวเองว่า เล่นบทบาทสมมติกับลูกมากน้อยแค่ไหน ท�างานศิลปะ
                                     เซลฟ์เอสตีม เป็นแรงผลักส�าคัญ                                                                 ด้วยกระดาษกับลูกมากน้อยแค่ไหน เล่นบล็อกไม้บนพื้นกับลูกแค่ไหน


                                       แรงผลักส�าคัญของเด็กคือ เซลฟ์เอสตีม ความหมายง่ายๆ คือ “ท�าได้ ท�าต่อ”

                                     ดังนั้น สิ่งที่ผู้ใหญ่ควรท�าได้ง่ายๆ คือ สร้างสิ่งแวดล้อมให้เด็กประถมรู้สึกว่า “ท�าได้          2) สภาพแวดล้อมนอกบ้าน
                                     ท�าต่อ” เพราะหากเด็กรู้สึกว่าท�าไม่ได้ก็จะไม่อยากท�าต่อ                                         จากการเล่นในบ้าน ให้ลูกออกมาเล่นหน้าบ้าน ให้ได้เล่นดิน ทราย น�้าจริงๆ เล่น
                                       เซลฟ์เอสตีมจะถูกผลักเข้ามาในตัวเด็กตั้งแต่ตอนเริ่มคลาน เริ่มขึ้นบันได ดังนั้น               ในสนาม หรือสนามเด็กเล่น ให้ลูกเล่นกับกองดิน กองทราย
                                     ระบบการศึกษาที่สอบตกแล้วไปต่อไม่ได้ เขียนไม่ได้ท่องไม่ได้แปลว่าตก จะเป็นเรื่อง                  เมื่ออยู่ในสนาม ให้เด็กได้ปีนป่ายต้นไม้บ้าง หรือ climbing net ซึ่งระหว่างปีนป่าย

                                     ที่น่าปวดหัวมาก แต่ระบบการศึกษาที่เปิดกว้างกว่า จะเปิดโอกาสให้เด็กทุกคนรวมทั้ง                นอกจากได้พัฒนาทักษะสมอง EF แล้ว เด็กยังได้พัฒนาด้านการท�างานประสานสัมพันธ์
                                     เด็กพิเศษด้วย ได้มีโอกาส “ท�าได้ ท�าต่อ” ตามความเร็วของเด็กแต่ละคน                            ระหว่างมือและตา (hand-eye coordination) อย่างดีที่สุด เด็กที่ปีน climbing net
                                                                                                                                   จะได้พัฒนาทักษะสมอง EF สูง เพราะต้องทั้งมุ่งมั่น ควบคุมอารมณ์ให้ไม่กลัว ไม่วอกแวก
                                                                                                                                   และถ้ายิ่งปีนสูง ความเสี่ยงก็ยิ่งสูง จึงต้องวางแผนมาก






            80                                                                                                                                                                                                                    81
   75   76   77   78   79   80   81   82   83   84   85