สอบถามการใช้งานระบบ?

(02)913 - 7555 กด 4104

ฝ่ายบริการสมาชิกเว็บไซต์

เอกสารแปลและเรียบเรียง ลำดับที่ 8 (ตอนที่ 1) EF ดี : “ยั้ง” ได้เพราะไตร่ตรอง ใช่ถูกบังคับ

EF ดี : “ยั้ง” ได้เพราะไตร่ตรอง ใช่ถูกบังคับ

ทักษะสมองส่วนหน้า (Executive Function: EF) พื้นฐานที่สำคัญยิ่งทักษะหนึ่งคือ ทักษะยั้งคิดไตร่ตรอง (Inhibitory Control) อันเป็นความสามารถในการหยุดหรือยั้งความคิด ความสามารถนี้เกิดขึ้นและพัฒนาตั้งแต่ช่วงแรกเกิดของชีวิต ความสามารถในการยั้ง หยุดและความจำเพื่อใช้งานเป็นทักษะฐานรากที่ช่วยให้เด็กพัฒนาทักษะยืดหยุ่นความคิด เมื่อโตขึ้น การยั้งหรือหยุดเกิดขึ้นได้ทั้งแบบที่เด็กสามารถหยุดยั้งตัวเองได้ด้วยตนเองตั้งแต่แบเบาะ เช่น ร้องไห้เพราะหิวนม พอได้ยินเสียงแม่บอกว่า รอเดี๋ยวนะลูก เด็กก็เริ่มแสดงอาการพยายามหยุดร้อง และรอให้แม่เอาเข้าเต้า หรือเอานมมาให้ แต่ก็มีการหยุดจากการที่ถูกบังคับให้หยุด ไม่หยุดจะถูกทำโทษ ถูกทำร้าย หรือถูกทำให้หยุดด้วยความกลัว กลัวว่าจะไม่รัก กลัวว่าจะถูกทำโทษ รวมถึงเด็กที่ถูกเลี้ยงมาแบบเข้มงวด ทำอย่างนี้ไม่ได้ ทำอย่างนั้นไม่ถูก ก็จะมีทักษะที่หยุด ยั้ง ไม่ออกนอกกรอบเช่นกัน

แต่เด็กที่ถูกเลี้ยงดูด้วยความเข้มงวด ถูกจำกัดไม่ให้มีอิสระ ส่งผลกระทบไปถึงบุคลิกภาพในวัยผู้ใหญ่ ให้เป็นคนที่ระมัดระวัง หวาดกลัว และหลบเลี่ยงที่จะพบหรือมีปฏิสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าหรือคนที่ไม่คุ้นเคย จากการวิจัยพบว่าเด็กเหล่านี้มีความเสี่ยงมากขึ้น 4- 6 เท่า ที่จะมีปัญหาเรื่องความวิตกกังวลและซึมเศร้า มีการสำรวจพบว่า  40% ของเด็กที่ถูกเลี้ยงดูด้วยความเข้มงวดนำไปสู่ความผิดปกติดังที่กล่าวมาได้ในวัยผู้ใหญ่อันเป็นช่วงชีวิตที่มีความท้าทายมากกว่าในช่วงที่ยังเล็ก ในวัยผู้ใหญ่มีเรื่องเป้าหมายที่ต้องการไปถึง ความเป็นอิสระทางด้านการเงิน และความสัมพันธ์หลากหลายรูปแบบที่ชีวิตของผู้ใหญ่คนหนึ่งต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ในที่ทำงานซึ่งมีทั้งเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน ลูกค้า ฯลฯ การมีคนรัก การมีครอบครัว มีลูก เป็นต้น การอยู่แต่ในกรอบ หยุด ยั้ง ไม่กล้าทำอะไรด้วยตัวเองหากไม่ได้รับอนุญาต ในตอนเป็นเด็กพ่อแม่อาจสบายใจที่ลูกเรียบร้อย แต่เมื่อต้องรับผิดชอบชีวิตของตนเอง สมองที่ไม่เคยได้รับประสบการณ์การฝึกฝนให้คิดและทำด้วยตนเองมาก่อน ก็เหมือนขาที่ไม่เคยออกเดิน ก็ป้อแป้เดินเองไม่ได้ สมองก็เช่นกัน เมื่อถึงเวลานั้นเมื่อไม่สามารถคิดเองทำเองได้ ชีวิตก็ลำบาก หรืออาจเจอวิกฤติ และไม่สามารถแก้ได้

โดยทั่วไปแล้ว แม้ว่าเด็กที่ถูกเลี้ยงมาอย่างเข้มงวดจะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในสังคม แต่การศึกษาระยะยาวเกี่ยวกับปัญหาทางอารมณ์ ว่าความเข้มงวดส่งผลลัพธ์ระยะยาวในชีวิตอย่างไร โดยติดตามกลุ่มที่เข้าร่วมงานวิจัยตั้งแต่ยังเป็นเด็กไปจนถึงวัยที่เป็นผู้ใหญ่ พบว่าช่วงที่เด็กอายุ 3 ขวบถูกเลี้ยงอย่างเข้มงวดมีความเสี่ยงที่จะมีปัญหาเป็นโรคซึมเศร้ามากขึ้นเมื่ออายุราว 21 ปี และในการศึกษาที่เมืองมิวนิคในประเทศเยอรมันนีพบว่า เด็กเหล่านี้เมื่อเติบโตขึ้นไปจนจบการศึกษาและต้องออกทำงานในราวอายุประมาณ 23 ปี จะใช้เวลานานกว่าในการเปลี่ยนบทบาทตนเอง การมีคนรักที่มั่นคงและแยกตัวออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านพ่อแม่ นอกจากนี้ยังพบว่า เด็กที่ถูกเลี้ยงอย่างเข้มงวดในช่วงอายุราว 8-12 ปีนั้น เมื่อก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นอายุราว 17-24 ปีมีแนวโน้มเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมน้อยกว่า มีความกระตือรือร้นน้อยกว่า ตั้งตัว แต่งงาน มีลูกช้า และมีความเสี่ยงที่จะเสพยา

การเลี้ยงดูอย่างเข้มงวดเป็นการควบคุมหรือบังคับให้เด็กทำตามที่ผู้ใหญ่บอก สอน หรือต้องการให้ทำตาม ต่างจากการที่ควบคุมกำกับตนเองที่เด็กใช้ทักษะของสมองส่วนหน้า (Executive Function: EF) มาทำหน้าที่กำกับพฤติกรรมของตนด้วยตนเอง ความสามารถในการยั้งคิดไตร่ตรอง (Inhibitory Control) เป็นความสามารถในการยับยั้งหรือระงับความสนใจของตนเองอย่างจริงจัง และตอบสนองต่อสิ่งเร้าโดยอัตโนมัติ เช่น การไม่สนใจสิ่งเร้าจากภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ตนกำลังทำอยู่ ไม่สนใจสิ่งที่กวนสมาธิอยู่ หรือการยั้งตัวเองไม่ให้แสดงอาการที่ไม่เหมาะสมออกไป รวมไปถึงความสามารถในการชะลอความพึงพอใจ  คนที่มีปัญหาเรื่องการยั้งคิด ไตร่ตรอง (Inhibitory Control) จะมีพฤติกรรมที่วอกแวก หุนหันพลันแล่น ถูกกระตุ้นโดยสิ่งเร้าได้ง่าย ซึ่งพบได้มากในเด็กกลุ่มสมาธิสั้น

ทักษะยั้งคิดไตร่ตรองในสมองส่วนหน้าทำหน้าที่กำกับพฤติกรรมยับยั้งชั่งใจ ควบคุมตนเอง เอาชนะการกระตุ้นต่างๆ ไม่ตามใจตนเอง เช่น ไม่โพล่งพูดแทรกระหว่างที่ผู้อื่นคุยกัน ซึ่งเป็นทักษะที่ยากและท้าทายสำหรับเด็กก่อนวัยเรียนซึ่งเป็นช่วงวัยที่การเชื่อมต่อของสมองเพิ่งเริ่มต้น และเป็นมารยาททางสังคมที่เด็กเล็กทุกคนต้องได้รับการฝึกฝน  เด็กที่ยังเล็กนั้นถือเอาผลประโยชน์ คือ ความพึงพอใจเฉพาะหน้าทันทีของตนเป็นหลักมากกว่าประโยชน์ในระยะยาวที่จะได้จากการรอ แต่เมื่อโตขึ้นการเรียนรู้และความสามารถในทักษะนี้จะค่อยพัฒนาขึ้นตาม

ทักษะการยับยั้งชั่งใจที่เกิดจากการฝึกฝนจนกลายเป็นนิสัย ไม่ใช่จากการถูกบังคับ ส่งผลระยะยาวต่อชีวิตของเด็กในทางตรงกันข้ามกับการควบคุมบังคับเด็กด้วยความเข้มงวด มีการศึกษาพบว่า เด็กอายุ 3-11 ปีที่มีทักษะยั้งคิดไตร่ตรองจะเติบโตมาเป็นคนที่มีสุขภาพดี มีความสุขมากกว่า และมีรายได้ดีกว่าเด็กที่ไม่มีการยั้งคิดไตร่ตรองในการทำสิ่งต่างๆ

การยั้งคิดไตร่ตรอง (inhibitory Control) ช่วยให้คนมีความสามารถในการเลือกว่าจะตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่อยู่ตรงหน้า และมีพฤติกรรมอย่างไร เพื่อไปสู่เป้าหมายในระยะยาว ตัวอย่างเช่น ในฐานะนักวิ่งมาราธอนที่มีเป้าหมายชัดเจนในการลงสนามแข่งขันที่จะไปถึงเป้าหมายตามเวลาที่ตั้งไว้ ต้องเสียสละที่จะไม่ทำตามใจตนเองหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ต้องนอนตั้งแต่หัวค่ำ ไม่สามารถไปเที่ยวกับเพื่อนหรือดูหนังได้ดึกดื่น ต้องตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อฝึกซ้อม  ต้องกินอาหารที่มีคุณค่าตามโภชนาการ ไม่สามารถตามใจปากที่อาจอยากกินของหวาน หรือน้ำอัดลมซึ่งทั้งหมดนี้ตอบสนองความพึงพอใจหรือความสุขเฉพาะหน้า นักวิ่งมาราธอนต้องยั้งตัวเองจากการเลือกที่จะให้สิ่งที่ตนเองพึงพอใจทันที เพื่อให้ในระยะยาวได้รางวัลที่ใหญ่กว่าคือ ชัยชนะจากการวิ่งได้ตามเป้าหมายที่กำหนด

ในชีวิตจริงของคนเราทุกๆวัน ทักษะยั้งคิดไตร่ตรอง เป็นทักษะที่ถูกฝึกและถูกใช้เกือบตลอดเวลา เพื่อทำให้ชีวิตในภาพรวมระยะยาวดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียนรู้ การทำงาน คุณภาพของชีวิต สุขภาพ การอยู่ร่วมกันกับผู้อื่น การรักษาสัมพันธภาพ ความสุข และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ในสังคมของการเคารพกันและกัน  ตลอดวันที่เราดำรงชีวิตอยู่ เราใช้ทักษะยั้งคิดไตร่ตรอง ตั้งแต่รอให้น้ำเดือดก่อนจึงจะนำมาชงกาแฟ  อดใจไว้ไม่ตอบโต้หรือด่าคนที่ใช้คำพูดที่ไม่เข้าหูไปในทันที เราทำงานได้ดีขึ้นรอบคอบและมีประสิทธิภาพน่าเชื่อถือมากขึ้น เมื่อเราไม่รีบกระโดดเข้าไปหาข้อสรุปก่อนที่จะสำรวจข้อเท็จจริงทั้งหมด ไม่รีบด่วนสรุปกับคำตอบแรกที่ผุดขึ้นในใจ แต่ไตร่ตรอง ยั้งคิดก่อน ทบทวนก่อนเพื่อให้งานดีขึ้น  ความเข้าใจต่อผู้อื่นดีขึ้น เราอดใจไว้ไม่กินต่อหลังจากรู้สึกอิ่มแล้ว เพื่อรักษาน้ำหนักให้คงที่ ไม่กินขนมหวานที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่คิดถึงผลที่ตามมาจนกลายเป็นปัญหาสุขภาพ เช่น โรคเบาหวาน หรืออดออมเงินที่หามาได้ ไม่เอาไปใช้ตามใจ เพื่อรวบรวมเป็นก้อนใหญ่ไว้ซื้อบ้าน ฯลฯ

แต่การฝึกทักษะยั้งคิดไตร่ตรองให้กับเด็กที่เราดูแล ไม่ว่าบทบาทของเราจะเป็น พ่อแม่ ครู ปูย่าตายาย บทบาทของเราไม่ใช่การบังคับ ห้าม ดุ ด่า หรือทำโทษ เพื่อให้เด็กยั้ง หยุดการกระทำเชิงลบ แต่บทบาทของผู้ใหญ่ทุกคนในการหนุนช่วยเด็กให้มีทักษะยั้งคิดไตร่ตรอง คือการทำตัวเป็นเหมือน “นั่งร้าน” ให้โอกาสทำกิจกรรมต่างๆ ตั้งคำถาม อยู่เคียงข้าง เป็นฐานทางใจ ให้เด็กได้มีโอกาส ตัดสินใจที่จะหยุด ยั้ง  ฝึกฝนทักษะสมองนี้อย่างจริงจัง ด้วยการให้เด็กได้เป็นผู้ตั้งเป้าหมาย เป็นผู้เลือก ตัดสินใจเรื่องราวในชีวิตประจำวัน ทำงาน (เล่น) บางอย่างที่ท้าทาย เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ด้วยตนเอง

ทักษะยั้งคิดไตร่ตรองจะเกิดขึ้นด้วยตัวเขาเอง ในระหว่างทางที่เขากำลังแก้ปัญหา อดทน มุมานะ พยายามไปให้เป้าหมายที่เขาอยากไปให้ถึง


อ้างอิง
• Alva Tang, Haley Crawford, Infant behavioral inhibition predicts personality and social outcomes three decades later, https://www.pnas.org/doi/10.1073/pnas.1917376117, April 20, 2020

Related Articles

นางกษมน มังคละคีรี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านกลางนาเดื่อ จ.สกลนคร

โรงเรียนบ้านกลางนาเดื่อเป็นโรงเรียนในโครงการโรงเรียนพัฒนาตนเอง (TSQP) ผอ.กษมน ได้รับการแนะนำให้รู้จักเรื่องEF จากอาจารย์วิเชียร ไชยบัง โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา แล้วศึกษาเพิ่มเติมทางอินเทอร์เน็ตและเข้าอบรมกับสถาบันRLG เมื่อเดือนเมษายน 2564 โดยให้ครูปฐมวัยในโรงเรียนเข้ารับการอบรมด้วย ซึ่งเป็นครูที่จบเอกปฐมวัยมาโดยตรง และมีความมุ่งมั่นที่จะนำความรู้สู่การปฏิบัติในชั้นเรียน เมื่อตระหนักถึงความสำคัญของ EF ตรงกัน ผอ.กษมนจึงให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่ ให้ครูปฐมวัยได้จัดการเรียนการสอนส่งเสริม EF โดยไม่ได้รอความเห็นชอบจากศน.เขตพื้นที่ฯ เพราะเห็นว่า EF เป็นความรู้ที่สอดคล้องกับหลักการศึกษาปฐมวัยอยู่แล้ว สามารถบูรณาการไปกับการส่งเสริมพัฒนาการ...

นางเปรมศิริ เนื้อเย็น ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองบ้วย ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองบ้วย  จ.เพชรบุรี

ผอ.เปรมศิริได้รับการแนะนำให้รู้จักเรื่อง EFจากศึกษานิเทศน์เขตพื้นที่การศึกษาเพชรบุรีเขต 2 และ ศน.เชิญชวนให้เข้ารับการอบรมความรู้ EF กับสถาบัน RLG แล้วนำความรู้ EF มาขยายสู่ครูปฐมวัยในโรงเรียนให้ครูได้ส่งเสริมEF เด็กผ่านโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย เนื่องจากมีความสอดคล้องกัน โดยบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยส่งเสริมให้เด็กได้คิดวิเคราะห์ เรียนรู้จากการลงมือทำ นอกจากนั้นยังวางแผนจะเชื่อมโยงความรู้ EF ไปสู่ครูในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองบ้วย เพื่อเป็นการปูพื้นฐาน EF ให้เด็กจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่จะมาเรียนต่ออนุบาล 3 ที่โรงเรียนบ้านหนองบ้วย ทำให้เด็กได้รับการพัฒนา...

นายทวิต ราษี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านป้อมประชานุกูล จ.สุโขทัย

ผอ.ทวิต ราษี มีประสบการณ์บริหารโรงเรียนขนาดเล็กที่มีระดับชั้นปฐมวัยมานานโดยมีความตั้งใจในการพัฒนาอนุบาลให้มีคุณภาพเพราะเป็นการสร้างรากฐานให้เด็กไปจนโต และมีความสนใจในเรื่องพัฒนาการเด็ก เมื่อเข้าร่วมอบรมเรื่อง EF จากสถาบัน RLG ก็ได้เข้าใจว่าพัฒนาการของเด็กนั้นเกิดจากการทำงานของสมอง และยังเห็นว่าเรื่อง EF มีความสอดคล้องกับโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อยที่โรงเรียนบ้านป้อมประชานุกูลดำเนินการอยู่ จึงสนใจที่จะขับเคลื่อนความรู้ EF ในโรงเรียน(ที่เพิ่งเข้ามาบริหาร) ผอ.ทวิตนำความรู้ EF มาถ่ายทอดแก่ครู ให้ครูนำความรู้ EF บูรณาการกับโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อยซึ่งเป็นการเรียนรู้แบบโครงงาน เพียงครูเปลี่ยนวิธีการ ไม่ใช่ครูสั่งให้เด็กทำ แต่ให้เด็กได้คิดได้ทำด้วยตัวเอง...

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here

Stay Connected

74,430แฟนคลับชอบ
- โครงการ “สื่อเพื่อฟื้นฟูการพัฒนาเด็กปฐมวัย ในวิถีชีวิตใหม่” -
- EF Development Tools -

Latest Articles

นางกษมน มังคละคีรี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านกลางนาเดื่อ จ.สกลนคร

โรงเรียนบ้านกลางนาเดื่อเป็นโรงเรียนในโครงการโรงเรียนพัฒนาตนเอง (TSQP) ผอ.กษมน ได้รับการแนะนำให้รู้จักเรื่องEF จากอาจารย์วิเชียร ไชยบัง โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา แล้วศึกษาเพิ่มเติมทางอินเทอร์เน็ตและเข้าอบรมกับสถาบันRLG เมื่อเดือนเมษายน 2564 โดยให้ครูปฐมวัยในโรงเรียนเข้ารับการอบรมด้วย ซึ่งเป็นครูที่จบเอกปฐมวัยมาโดยตรง และมีความมุ่งมั่นที่จะนำความรู้สู่การปฏิบัติในชั้นเรียน เมื่อตระหนักถึงความสำคัญของ EF ตรงกัน ผอ.กษมนจึงให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่ ให้ครูปฐมวัยได้จัดการเรียนการสอนส่งเสริม EF โดยไม่ได้รอความเห็นชอบจากศน.เขตพื้นที่ฯ เพราะเห็นว่า EF เป็นความรู้ที่สอดคล้องกับหลักการศึกษาปฐมวัยอยู่แล้ว สามารถบูรณาการไปกับการส่งเสริมพัฒนาการ...

นางเปรมศิริ เนื้อเย็น ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองบ้วย ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองบ้วย  จ.เพชรบุรี

ผอ.เปรมศิริได้รับการแนะนำให้รู้จักเรื่อง EFจากศึกษานิเทศน์เขตพื้นที่การศึกษาเพชรบุรีเขต 2 และ ศน.เชิญชวนให้เข้ารับการอบรมความรู้ EF กับสถาบัน RLG แล้วนำความรู้ EF มาขยายสู่ครูปฐมวัยในโรงเรียนให้ครูได้ส่งเสริมEF เด็กผ่านโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย เนื่องจากมีความสอดคล้องกัน โดยบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยส่งเสริมให้เด็กได้คิดวิเคราะห์ เรียนรู้จากการลงมือทำ นอกจากนั้นยังวางแผนจะเชื่อมโยงความรู้ EF ไปสู่ครูในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองบ้วย เพื่อเป็นการปูพื้นฐาน EF ให้เด็กจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่จะมาเรียนต่ออนุบาล 3 ที่โรงเรียนบ้านหนองบ้วย ทำให้เด็กได้รับการพัฒนา...

นายทวิต ราษี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านป้อมประชานุกูล จ.สุโขทัย

ผอ.ทวิต ราษี มีประสบการณ์บริหารโรงเรียนขนาดเล็กที่มีระดับชั้นปฐมวัยมานานโดยมีความตั้งใจในการพัฒนาอนุบาลให้มีคุณภาพเพราะเป็นการสร้างรากฐานให้เด็กไปจนโต และมีความสนใจในเรื่องพัฒนาการเด็ก เมื่อเข้าร่วมอบรมเรื่อง EF จากสถาบัน RLG ก็ได้เข้าใจว่าพัฒนาการของเด็กนั้นเกิดจากการทำงานของสมอง และยังเห็นว่าเรื่อง EF มีความสอดคล้องกับโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อยที่โรงเรียนบ้านป้อมประชานุกูลดำเนินการอยู่ จึงสนใจที่จะขับเคลื่อนความรู้ EF ในโรงเรียน(ที่เพิ่งเข้ามาบริหาร) ผอ.ทวิตนำความรู้ EF มาถ่ายทอดแก่ครู ให้ครูนำความรู้ EF บูรณาการกับโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อยซึ่งเป็นการเรียนรู้แบบโครงงาน เพียงครูเปลี่ยนวิธีการ ไม่ใช่ครูสั่งให้เด็กทำ แต่ให้เด็กได้คิดได้ทำด้วยตัวเอง...

นายสวัสดิ์ เมฆสุนทร  ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองโพธิ์ จ.นครราชสีมา 

ผอ.สวัสดิ์ได้รับการแนะนำจากอาจารย์วิเชียร ไชยบัง โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา ให้รู้จัก EF รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่อง EF ในการประชุมเครือข่ายโรงเรียนพัฒนาตนเอง(TSQP)อยู่เสมอ และเข้ารับการอบรมกับสถาบัน RLG เพิ่มเติม  แล้วเห็นว่า EF เป็นความรู้พื้นฐานหรือความรู้ปฐมบทที่พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ว่าสถานะใดควรต้องรู้ ไม่ใช่เฉพาะผู้ปกครองชนชั้นกลางขึ้นไปที่มีความรู้ หรือเป็นความรู้ในหมู่ครูอาจารย์หรือแพทย์เท่านั้น  ครอบครัวที่ด้อยโอกาสก็ควรต้องรู้ สรุปคือสังคมไทยควรต้องเรียนรู้เรื่อง EF เพื่อให้เด็กได้มีโอกาสพัฒนาอย่างเท่าเทียมกันจึงสนับสนุนให้ครูปฐมวัยในโรงเรียนได้รับการอบรม EF จากสถาบัน RLG และดำเนินการปรับสนามเด็กเล่นเพื่อให้เด็กได้เล่นอิสระอย่างปลอดภัยและมีความสุข...

นายจรูญ น้อยสำราญ  ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองบอน จ.ตราด

โรงเรียนบ้านหนองบอนเป็นโรงเรียนหนึ่งในเครือข่ายโรงเรียนพัฒนาตนเอง (TSQD) กสศ.ซึ่งทำให้ผอ.จรูญได้เริ่มรู้จัก EF แล้วทำให้อยากรู้ว่า EF คืออะไร เมื่อพบว่าสถาบัน RLG มีการอบรมเรื่องนี้จึงสมัครเข้ารับอบรมพร้อมครูอนุบาล 2 คน  แล้วได้เห็นว่า EF เป็นคำตอบเรื่องการพัฒนาเด็กให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ และการพัฒนาเด็กให้เต็มศักยภาพ จึงนำความรู้ EF มาถ่ายทอดให้ครูในโรงเรียน โดยใช้สื่อจากสถาบันRLG ให้ครูเรียนรู้ และมอบหมายให้รองผอ.ติดตามการดำเนินการขับเคลื่อนความรู้ EF สู่การปฏิบัติในชั้นเรียนอนุบาล...