Page 118 - Executive Functions ในเด็กวัย 13-18 ปี
P. 118
กำรสร้ำงสิ่งแวดล้อมที่เปิดโอกำสให้วัยรุ่นได้เรียนรู้ทักษะทำงสังคม ยังเป็นกำรช่วย สร้างสภาพแวดล้อมที่ผู้ใหญ่เป็น “แบบอย่าง” ที่ดี
ประกันว่ำกำรใช้ทักษะสมองส่วนหน้ำนั้นจะไม่เป็นไปเพื่อควำมเห็นแก่ตัว เป้ำหมำย Giacomo Rizzolatti and Laila Craighero นักวิทยำศำสตร์ชำวอิตำเลี่ยน
ของชีวิตในแต่ละเรื่องที่ต้องกำรไปให้ถึงไม่ใช่เพื่อตัวเองเพียงอย่ำงเดียว แต่ได้เชื่อมโยง ซึ่งท�ำงำนอยู่มหำวิทยำลัยปำร์มำได้ค้นพบเซลล์กระจกเงำ (The Mirror - Neuron
เกี่ยวพันถึงกำรคิดถึงผู้อื่นและส่วนรวมด้วย Prof. Dr. Nancy Eisenberg ผู้เชี่ยวชำญ System) ในบริเวณของสมองส่วนหน้ำที่เรียกว่ำพรีฟรอนเทิลคอเท็กซ์ (prefrontal
ด้ำนจิตวิทยำพัฒนำกำร มหำวิทยำลัยแห่งรัฐแอริโซนำ สหรัฐอเมริกำ ได้เน้นย�้ำว่ำต้อง cortex) ด้วยเครื่องตรวจสนำมแม่เหล็กหรือที่เรียกกันว่ำ fMRI
เปิดโอกำสให้เด็กวัยรุ่นได้มีโอกำสเรียนรู้ทักษะทำงสังคมอย่ำงต่อเนื่อง ให้เป็นวิถีชีวิต เซลล์กระจกเงำท�ำหน้ำที่สะท้อนกำรได้ยิน ได้เห็นกำรกระท�ำของผู้อื่นรำวกับว่ำ
เป็นวัฒนธรรมของสังคมให้ได้ ตนเองเป็นผู้กระท�ำ ท�ำให้สำมำรถเรียนรู้ผ่ำนกำรเห็น กำรได้ยิน เกิดกำรเลียนแบบ
เกิดอำรมณ์ควำมรู้สึกรำวกับเป็นผู้นั้นเอง ท�ำให้มีควำมเข้ำใจผู้อื่นและตอบสนองได้
หลักกำรเรียนรู้ทำงสังคมหรือเพื่อเข้ำใจอำรมณ์ควำมรู้สึกของผู้อื่น ได้แก่ เหมำะสม
1. การตระหนักรู้ในตนเอง (self - awareness) คือควำมสำมำรถในกำรรับรู้
ควำมคิดและอำรมณ์ของตนได้อย่ำงชัดเจนแม่นย�ำ และรู้ว่ำควำมคิดและอำรมณ์ เซลล์กระจกเงำเป็นควำมสำมำรถของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โดยเฉพำะมนุษย์
ของตนนั้นมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมตนเองอย่ำงไร เช่น เมื่อโกรธก็รู้ว่ำตนเองก�ำลังโกรธ ที่ต้องอยู่ร่วมกันเป็นสังคม
โกรธด้วยเรื่องอะไร ท�ำไมโกรธ และรู้ว่ำถ้ำโกรธมำกกว่ำนี้ เดี๋ยวเรำจะควบคุมตัวเอง
ไม่ได้ เป็นต้น กำรค้นพบด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยนี้ยืนยันภูมิปัญญำปู่ย่ำตำยำยที่กล่ำวว่ำ
2. การจัดการตนเอง (self - management) คือควำมสำมำรถในกำรก�ำกับ “ลูกปูเดินตำมแม่ปู” คือพ่อแม่ผู้ใหญ่เป็นอย่ำงไรเด็กจะเป็นอย่ำงนั้น เด็กเป็นอย่ำงที่
อำรมณ์ ควำมคิด และพฤติกรรมของตนเองจนได้ผลเมื่อเผชิญหน้ำสถำนกำรณ์ต่ำงๆ เรำเป็น ไม่ได้เป็นอย่ำงที่เรำสอน ดังเช่นที่หลวงพ่อปัญญำนันทภิกขุได้กล่ำวไว้ว่ำ
คนที่มี self - awareness ดี และมี self - management ดีก็จะควบคุมสถำนกำรณ์ “พ่อแม่คือกระจกเงำของลูก”
ได้ดี ก�ำกับพฤติกรรมกำรแสดงออกได้เหมำะสม เตือนตนเองได้ว่ำก�ำลังรู้สึกอย่ำงไร
อยู่ในขั้นไหน และจัดกำรได้ เซลล์กระจกเงำท�ำงำนอัตโนมัติโดยไม่มีกำรคัดกรอง ท�ำให้เรำเข้ำใจพฤติกรรม
3. การตระหนักรู้ทางสังคม (social - awareness) คือควำมสำมำรถที่จะมอง กำรเลียนแบบกันโดยไม่ตั้งใจ เช่น ท่ำทำง กิริยำกำรพูดจำที่คล้ำยกันของคนที่
สังคมหรือคนอื่นได้ตำมที่เขำเป็น เกิดควำมรู้สึกเข้ำอกเข้ำใจ และเห็นอกเห็นใจ แม้ว่ำ ใกล้ชิดกัน อิทธิพลของสื่อที่ชักจูงพฤติกรรมของเด็กและคนในสังคม กำรเลียนแบบ
จะมำกันคนละทิศ มีพื้นฐำนภูมิหลังวัฒนธรรมต่ำงกันก็ตำม แฟชั่น เป็นต้น ทั้งยังท�ำให้เรำเข้ำใจว่ำท�ำไมเพียงแค่เห็นคนถูกรังแกเรำจึงเข้ำใจ
4. ทักษะการจัดความสัมพันธ์ทางสังคม (relationship & skills) คือควำม ควำมรู้สึกเขำ หรือดูละครแล้วร้องไห้รำวกับว่ำเป็นตัวละครตัวนั้นเอง เข้ำใจว่ำท�ำไม
สำมำรถในกำรสร้ำงควำมสัมพันธ์ที่ดี ให้แข็งแรง อบอุ่น ในคนหรือกลุ่มคนที่มี บำงคนเกลียดคนแบบไหนกลำยเป็นคนแบบนั้นเอง เข้ำใจว่ำเรำสำมำรถเรียนรู้ผ่ำน
ควำมแตกต่ำงกัน กำรดูและสังเกตได้ เช่น กำรเรียนเต้นร�ำ เล่นกีฬำ ฯลฯ ที่ส�ำคัญที่สุดได้เข้ำใจว่ำ
5. การตัดสินใจที่มีความรับผิดชอบ (responsible decision - making) มนุษย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมนั้นเรียนรู้ “จำกผู้อื่น” ผ่ำนกำรเลียนแบบมำกที่สุด
คือควำมสำมำรถในกำรสร้ำงทำงเลือกที่สร้ำงสรรค์ ทั้งต่อบุคคลและสังคม โดยค�ำนึง ได้ผลที่สุด ส่วนกำรถูกสั่งสอนได้ผลเพียงเบำบำง กำรเป็นต้นแบบที่ดีของพ่อแม่
ถึงมำตรฐำนควำมปลอดภัยและบรรทัดฐำนของสังคม เพื่อประโยชน์สุขของส่วนรวม ในเรื่องควำมประพฤติทำงสังคม (social behavior) จึงเป็นอีกเรื่องที่ส�ำคัญยิ่ง
ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของตนหรือคนบำงกลุ่ม
118 119