Page 119 - Executive Functions ในเด็กวัย 13-18 ปี
P. 119

กำรสร้ำงสิ่งแวดล้อมที่เปิดโอกำสให้วัยรุ่นได้เรียนรู้ทักษะทำงสังคม ยังเป็นกำรช่วย    สร้างสภาพแวดล้อมที่ผู้ใหญ่เป็น “แบบอย่าง” ที่ดี
 ประกันว่ำกำรใช้ทักษะสมองส่วนหน้ำนั้นจะไม่เป็นไปเพื่อควำมเห็นแก่ตัว เป้ำหมำย       Giacomo Rizzolatti and Laila Craighero นักวิทยำศำสตร์ชำวอิตำเลี่ยน

 ของชีวิตในแต่ละเรื่องที่ต้องกำรไปให้ถึงไม่ใช่เพื่อตัวเองเพียงอย่ำงเดียว แต่ได้เชื่อมโยง  ซึ่งท�ำงำนอยู่มหำวิทยำลัยปำร์มำได้ค้นพบเซลล์กระจกเงำ (The Mirror - Neuron
 เกี่ยวพันถึงกำรคิดถึงผู้อื่นและส่วนรวมด้วย Prof. Dr. Nancy Eisenberg ผู้เชี่ยวชำญ  System) ในบริเวณของสมองส่วนหน้ำที่เรียกว่ำพรีฟรอนเทิลคอเท็กซ์ (prefrontal

 ด้ำนจิตวิทยำพัฒนำกำร มหำวิทยำลัยแห่งรัฐแอริโซนำ สหรัฐอเมริกำ ได้เน้นย�้ำว่ำต้อง  cortex) ด้วยเครื่องตรวจสนำมแม่เหล็กหรือที่เรียกกันว่ำ fMRI
 เปิดโอกำสให้เด็กวัยรุ่นได้มีโอกำสเรียนรู้ทักษะทำงสังคมอย่ำงต่อเนื่อง ให้เป็นวิถีชีวิต       เซลล์กระจกเงำท�ำหน้ำที่สะท้อนกำรได้ยิน ได้เห็นกำรกระท�ำของผู้อื่นรำวกับว่ำ

 เป็นวัฒนธรรมของสังคมให้ได้   ตนเองเป็นผู้กระท�ำ ท�ำให้สำมำรถเรียนรู้ผ่ำนกำรเห็น กำรได้ยิน เกิดกำรเลียนแบบ

               เกิดอำรมณ์ควำมรู้สึกรำวกับเป็นผู้นั้นเอง ท�ำให้มีควำมเข้ำใจผู้อื่นและตอบสนองได้
   หลักกำรเรียนรู้ทำงสังคมหรือเพื่อเข้ำใจอำรมณ์ควำมรู้สึกของผู้อื่น ได้แก่  เหมำะสม
    1.  การตระหนักรู้ในตนเอง (self - awareness) คือควำมสำมำรถในกำรรับรู้

 ควำมคิดและอำรมณ์ของตนได้อย่ำงชัดเจนแม่นย�ำ และรู้ว่ำควำมคิดและอำรมณ์       เซลล์กระจกเงำเป็นควำมสำมำรถของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โดยเฉพำะมนุษย์
 ของตนนั้นมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมตนเองอย่ำงไร เช่น เมื่อโกรธก็รู้ว่ำตนเองก�ำลังโกรธ   ที่ต้องอยู่ร่วมกันเป็นสังคม

 โกรธด้วยเรื่องอะไร ท�ำไมโกรธ และรู้ว่ำถ้ำโกรธมำกกว่ำนี้ เดี๋ยวเรำจะควบคุมตัวเอง
 ไม่ได้ เป็นต้น      กำรค้นพบด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยนี้ยืนยันภูมิปัญญำปู่ย่ำตำยำยที่กล่ำวว่ำ

    2.  การจัดการตนเอง (self - management) คือควำมสำมำรถในกำรก�ำกับ  “ลูกปูเดินตำมแม่ปู” คือพ่อแม่ผู้ใหญ่เป็นอย่ำงไรเด็กจะเป็นอย่ำงนั้น เด็กเป็นอย่ำงที่
 อำรมณ์ ควำมคิด และพฤติกรรมของตนเองจนได้ผลเมื่อเผชิญหน้ำสถำนกำรณ์ต่ำงๆ   เรำเป็น ไม่ได้เป็นอย่ำงที่เรำสอน ดังเช่นที่หลวงพ่อปัญญำนันทภิกขุได้กล่ำวไว้ว่ำ

 คนที่มี self - awareness ดี และมี self - management ดีก็จะควบคุมสถำนกำรณ์  “พ่อแม่คือกระจกเงำของลูก”
 ได้ดี ก�ำกับพฤติกรรมกำรแสดงออกได้เหมำะสม เตือนตนเองได้ว่ำก�ำลังรู้สึกอย่ำงไร

 อยู่ในขั้นไหน และจัดกำรได้      เซลล์กระจกเงำท�ำงำนอัตโนมัติโดยไม่มีกำรคัดกรอง ท�ำให้เรำเข้ำใจพฤติกรรม
    3.  การตระหนักรู้ทางสังคม (social - awareness) คือควำมสำมำรถที่จะมอง  กำรเลียนแบบกันโดยไม่ตั้งใจ เช่น ท่ำทำง กิริยำกำรพูดจำที่คล้ำยกันของคนที่

 สังคมหรือคนอื่นได้ตำมที่เขำเป็น เกิดควำมรู้สึกเข้ำอกเข้ำใจ และเห็นอกเห็นใจ แม้ว่ำ  ใกล้ชิดกัน อิทธิพลของสื่อที่ชักจูงพฤติกรรมของเด็กและคนในสังคม กำรเลียนแบบ
 จะมำกันคนละทิศ มีพื้นฐำนภูมิหลังวัฒนธรรมต่ำงกันก็ตำม  แฟชั่น เป็นต้น ทั้งยังท�ำให้เรำเข้ำใจว่ำท�ำไมเพียงแค่เห็นคนถูกรังแกเรำจึงเข้ำใจ

    4.  ทักษะการจัดความสัมพันธ์ทางสังคม (relationship & skills) คือควำม  ควำมรู้สึกเขำ หรือดูละครแล้วร้องไห้รำวกับว่ำเป็นตัวละครตัวนั้นเอง เข้ำใจว่ำท�ำไม
 สำมำรถในกำรสร้ำงควำมสัมพันธ์ที่ดี ให้แข็งแรง อบอุ่น ในคนหรือกลุ่มคนที่มี   บำงคนเกลียดคนแบบไหนกลำยเป็นคนแบบนั้นเอง เข้ำใจว่ำเรำสำมำรถเรียนรู้ผ่ำน

 ควำมแตกต่ำงกัน  กำรดูและสังเกตได้ เช่น กำรเรียนเต้นร�ำ เล่นกีฬำ ฯลฯ ที่ส�ำคัญที่สุดได้เข้ำใจว่ำ
    5.  การตัดสินใจที่มีความรับผิดชอบ (responsible decision - making)    มนุษย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมนั้นเรียนรู้ “จำกผู้อื่น” ผ่ำนกำรเลียนแบบมำกที่สุด

 คือควำมสำมำรถในกำรสร้ำงทำงเลือกที่สร้ำงสรรค์ ทั้งต่อบุคคลและสังคม โดยค�ำนึง  ได้ผลที่สุด ส่วนกำรถูกสั่งสอนได้ผลเพียงเบำบำง กำรเป็นต้นแบบที่ดีของพ่อแม่
 ถึงมำตรฐำนควำมปลอดภัยและบรรทัดฐำนของสังคม เพื่อประโยชน์สุขของส่วนรวม   ในเรื่องควำมประพฤติทำงสังคม (social behavior) จึงเป็นอีกเรื่องที่ส�ำคัญยิ่ง

 ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของตนหรือคนบำงกลุ่ม



 118                                                                                                         119
   114   115   116   117   118   119   120   121   122   123   124