Page 48 - Executive Functions ในเด็กวัย 13-18 ปี
P. 48

1. ควำมจ�ำเพื่อใช้งำน : Working Memory                                                              ควำมจ�ำในสมองมีอยู่หลำยรูปแบบจำกกระบวนกำรท�ำงำนที่แตกต่ำงกันของสมอง เช่น

                                       ควำมสำมำรถ “จ�ำได้” เป็นควำมสำมำรถพื้นฐำนที่ส�ำคัญในสมอง
                                     ซึ่งมีเซลล์ประสำทจ�ำนวนมหำศำล ท�ำงำนเชื่อมต่อกัน ด้วยกำรส่ง                                          ความจ�าระยะสั้น (short-term memory) เกิดจำกกำรสื่อสำรของเซลล์

                                     สัญญำณไฟฟ้ำและเคมีที่ให้และรับระหว่ำงกันและกัน ผ่ำนช่องว่ำง                                        ประสำทแบบชั่วครำวในบริเวณสมองส่วนหน้ำและกลีบข้ำง ท�ำให้เรำสำมำรถ
                                     ระหว่ำงเซลล์ที่เรียกว่ำ “ไซแนป” (synapse - กำรท�ำงำนระหว่ำงเซลล์                                   ระลึกถึงข้อมูลต่ำงๆ ที่สมองรับและเก็บรักษำไว้ได้เป็นช่วงเวลำสั้นๆ ไม่กี่นำทีโดย

                                     ประสำทนี้เองที่เป็นตัวควบคุมก�ำกับร่ำงกำยและพฤติกรรมของ                                            ไม่ต้องท่องซ�้ำ เช่น กำรจ�ำเบอร์โทรศัพท์ฯลฯ เป็นควำมจ�ำที่มีขนำดจ�ำกัดมำก
                                     สิ่งมีชีวิต)



                                       อีริค อำร์ แคนเดล (Eric R. Kandel) นักประสำทวิทยำ รำงวัล

                                     โนเบล สำขำสรีรวิทยำหรือกำรแพทย์ ค.ศ. 2000 ผู้ค้นพบ “กำร                                              ความจ�าระยะยาว (long-term memory) เกิดจำกกำรสื่อสำร
                                     แปรสัญญำณในระบบประสำท” ร่วมกับนักวิทยำศำสตร์อีก 2 ท่ำนเป็น                                         ของเซลล์ประสำทในบริเวณที่กว้ำงมำกและมีสมองส่วนกลำงซึ่งมี

                                     ผู้ค้นพบกำรท�ำงำนที่ว่ำนี้ของเซลล์ประสำท และได้ข้อสรุปจำก                                          ฮิปโปแคมปัสมำท�ำให้ควำมจ�ำระยะสั้นกลำยเป็นควำมจ�ำระยะยำว
                                     งำนวิจัยที่ท�ำให้มนุษย์เข้ำใจตนเองลึกลงไปอีกว่ำ “เรำเป็นเรำในทุกวัน                                ที่ไม่มีควำมจ�ำกัด บำงเรื่องอำจจดจ�ำได้ชั่วชีวิต คนที่ฮิปโปแคมปัส

                                     นี้จำกสิ่งที่เรำเรียนรู้และจ�ำได้” (We are what we are because of                                  เสียหำยหรือถูกตัดออกไป จะไม่สำมำรถเก็บควำมจ�ำใหม่ๆ ไว้เป็น
                                     what we learned and remembered.)                                                                   ควำมจ�ำระยะยำวได้ ส่งผลให้เรียนรู้ได้ล�ำบำก กำรนอนหลับเป็น
                                                                                                                                        ช่วงเวลำส�ำคัญที่สมองท�ำงำนเพื่อสร้ำงควำมจ�ำระยะยำว มีงำนวิจัย
                                                                                                                                        หลำยงำนได้แสดงให้เห็นว่ำควำมจ�ำที่ดีขึ้นอยู่กับกำรนอนหลับที่

                                                                                                                                        เพียงพอในช่วงระหว่ำงกำรเรียนและกำรทดสอบควำมจ�ำ นอกจำกนี้
                                                                                                                                        กำรออกก�ำลังกำยโดยเฉพำะแบบแอโรบิก เช่น กำรวิ่ง กำรขี่จักรยำน

                                                                                                                                        และกำรว่ำยน�้ำ ล้วนมีประโยชน์ต่อสมอง ตั้งแต่ช่วยเพิ่มสำรสื่อ
                                                                                                                                        ประสำท ท�ำให้กระบวนกำร neurogenesis (กำรสร้ำงเซลล์ประสำท

                                                                                                                                        ใหม่) ในฮิปโปแคมปัสเพิ่มขึ้น ผลของกำรออกก�ำลังกำยที่มีต่อควำมจ�ำ
                                                                                                                                        มีนัยส�ำคัญต่อกำรเพิ่มสมรรถภำพทำงกำรศึกษำของเด็กๆ ต่อกำร

                                                                                                                                        รักษำสมรรถภำพทำงควำมคิดในวัยชรำและต่อกำรป้องกันและ
                                                                                                                                        กำรรักษำโรคทำงประสำท












            48                                                                                                                                                                                                                    49
   43   44   45   46   47   48   49   50   51   52   53