บทบาทของคุณพ่อ ต่อพัฒนาการของลูก

บทบาทของคุณพ่อ ต่อพัฒนาการของลูก

เนื่องในเดือนธันวาคมของทุกปี อันเป็นเดือนของวันสำคัญคือวันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิต ในหลวงรัชกาลที่ 9 ของปวงชนชาวไทย และเป็นวันพ่อแห่งชาติ หมอเลยอยากจะเล่าถึงบทบาทของคุณพ่อในการส่งเสริมพัฒนาการของลูกๆ ให้ฟังกันนะครับ เพื่อให้ทราบว่า ไม่ใช่แค่คุณแม่ แต่คุณพ่อก็เป็นบุคคลสำคัญในการช่วยส่งเสริมการเติบโตและพัฒนาการของลูกๆ ได้เช่นกัน

คุณพ่อเป็นของเล่นที่น่าสนุก

เพราะความที่คุณพ่อเป็นผู้ชาย ซึ่งมีแรงและพลังมากกว่าคุณแม่ การเล่นกับพ่อจึงให้ความสนุกต่างไปจากการเล่นกับแม่ เพราะพ่อจะมีกิจกรรมที่โลดโผน สนุก และท้าทาย (รวมถึงน่าหวาดเสียว) กว่ากิจกรรมของคุณแม่ เด็กๆ ส่วนใหญ่จึงชอบเล่นกับคุณพ่อ โดยเฉพาะกิจกรรม Outdoor ที่คุณพ่อจะสามารถแสดงให้เห็นถึงพละกำลัง อันเป็นลักษณะตามธรรมชาติของผู้ชาย คุณพ่อสามารถวิ่งไล่จับได้โดยไม่เหนื่อย เป็นม้าให้ลูกๆ ขี่ได้โดยไม่ (กล้า) บ่น หรือ เล่นซ่อนหาเป็นสิบๆ รอบ โดยไม่เบื่อ (แม้ว่าคุณพ่ออยากจะบอกลูกๆ ว่า เลิกทีเถิดดด…) เป็นต้น ดังนั้น ความแตกต่างและความหลากหลายของกิจกรรมจากคุณพ่อและคุณแม่ จึงเป็นสิ่งที่ธรรมชาติได้คัดสรรความแตกต่างแต่ลงตัวมาให้กับลูกๆ ของเรา จึงควรให้เด็กได้มีโอกาสเล่นกับทั้งคุณพ่อและคุณแม่นะครับ

คุณพ่อช่วยแก้ไขสถานการณ์ที่ยุ่งยาก

เพราะการดูแลลูกๆ ในหนึ่งวันมักจะเป็นภาระที่ยิ่งใหญ่ของคุณแม่ จึงเป็นไปได้ที่ในบางครั้งคุณแม่กับเด็กๆ อาจจะมีปัญหาความคิดเห็นไม่ตรงกัน คุณพ่อ (ที่มักกลับมาทีหลัง) จึงมักมีบทบาทสำคัญในฐานะผู้ไกล่เกลี่ย ช่วยเด็กๆ ในการต่อรองกับคุณแม่ รวมถึงช่วยคุณแม่แก้ไขปัญหาของลูกๆ โดยความเยือกเย็นและความสามารถในการตัดสินใจของคุณพ่อจะเป็นองค์ประกอบสำคัญในการแก้ไขปัญหานี้ หรือพูดให้ฟังง่ายขึ้นก็คือ คุณพ่อต้องมี EF ดี เพราะสิ่งที่สำคัญคือ การรับฟังเด็กๆ แต่แก้ปัญหาโดยไม่ไปขัดแย้งกับคุณแม่ ซึ่งหมายถึง การค้นหาหนทางอื่นๆ ในการแก้ปัญหา อันเป็นทักษะที่ตรงกับพัฒนาการของเพศชายที่ชอบแก้ไขปัญหา เพียงแต่คุณพ่อส่วนใหญ่มักจะหมดแรงจากที่ทำงาน พอถึงบ้านจึงไม่มีพลังเหลือในการคิดแก้ไขและต่อรอง ดังนั้น เมื่อทำงานเสร็จในแต่ละวัน คุณพ่อทุกคนจึงควรเก็บแรงส่วนหนึ่งไว้ สำหรับการมาเล่นกับลูก และช่วยภรรยาในการแก้ไขปัญหาของลูกๆ ด้วยนะครับ

บทบาทของคุณพ่อต่อลูกชาย

หากความสัมพันธ์ระหว่างคุณพ่อกับลูกชายเป็นไปในเชิงบวก ลูกชายมักจะมองคุณพ่อเป็น role model ในการดำเนินชีวิต เนื่องจากในช่วงวัยเด็กเล็ก โดยเฉพาะช่วง 3-6 ปี เด็กผู้ชายจะมีพฤติกรรมเลียนแบบคุณพ่อ เนื่องจากเด็กวัยนี้จะรู้เพศของตนเองแล้ว จึงมักจะเลียนแบบพฤติกรรมของบุคคลเพศเดียวกันกับตนเองที่อยู่ใกล้ชิด ซึ่งก็คือ คุณพ่อ นั่นเอง สังเกตจากการที่เด็กผู้ชายเริ่มสนใจใส่เสื้อผ้าหรือแต่งตัวให้เหมือนคุณพ่อ เลียนแบบท่าทางหรือการทำงานของคุณพ่อ หรือชอบเข้ามาพูดคุยเรื่องราวต่างๆ กับคุณพ่อ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการพัฒนาตัวเองสู่การเป็นมนุษย์เพศชายที่สมบูรณ์ต่อไป จึงเห็นได้ว่าความสัมพันธ์ของคุณพ่อกับลูกชายเป็นสิ่งสำคัญมากต่อการเติบโตและพัฒนาการของลูก

บทบาทของคุณพ่อต่อลูกสาว

คุณพ่อส่วนใหญ่มักจะคิดว่า การดูแลลูกสาวควรจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณแม่ที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน น่าจะดีกว่า เพราะเป็นเพศเดียวกัน แต่ความจริงแล้ว คุณพ่อเองก็มีบทบาทมากในการช่วยให้ลูกสาวได้เติบโตขึ้นเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์และมีคุณค่า เพราะภาพลักษณ์ของคุณพ่อที่เก่ง เล่นสนุก ใจดี และสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ในบ้าน จะเป็นภาพจำของลูกถึงคุณลักษณะของผู้ชายที่ดี คนที่เหมาะสมในการเป็นคู่ครอง ดังนั้น หากภาพจำของลูกสาวเป็นคุณพ่อที่ใจดี และเก่ง ลูกสาวก็จะเชื่อมั่นในผู้ชายลักษณะเดียวกันกับความประทับใจแรกพบในช่วงวัยเด็ก ซึ่งก็คือ คุณพ่อ นั่นเอง นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างลูกสาวกับคุณพ่อยังช่วยในการแก้ปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดในช่วงวัยรุ่น ของลูกสาวได้อีกด้วย

สุดท้ายคือ สอนโดยการทำให้เห็น มากกว่าบอกให้ฟัง

ตามธรรมชาติของมนุษย์ การเลียนแบบพฤติกรรมมักจะเกิดขึ้นจากสิ่งที่เห็นเป็นหลัก ตามหลักการทำงานของเซลล์ประสาทกระจกเงา (Mirror Neuron System) ดังนั้น ทุกอย่างที่หมอได้กล่าวมา จึงเป็นสิ่งที่คุณพ่อต้องทำให้ลูกๆ เห็น เพราะลูกๆ จะเชื่อและเลียนแบบสิ่งที่เค้าเห็นด้วยตา มากกว่าสิ่งที่คนอื่นๆ มาพร่ำบอก ดังนั้น การแสดงออกของคุณพ่อต่อลูกก็ดี ต่อคุณแม่ก็ดี และต่อคนอื่นๆ จึงเป็นสิ่งที่ลูกๆ คอยเฝ้ามองอยู่ตลอด หมออยากให้คุณพ่อทุกๆ คน ซึ่งมักจะเหน็ดเหนื่อยกับภาระงานในแต่ละวัน ท่ามกลางปัญหาหลากหลายในขณะนี้ ระลึกไว้ว่า ในทุกๆ อิริยาบถของเรา มีสายตาน้อยๆ มาจับจ้องอยู่ตลอด คุณพ่อเหนื่อยได้ คุณพ่อล้าได้ คุณพ่อหงุดหงิดได้ แต่การแสดงออกต่อหน้าลูก จะต้องระวังพฤติกรรมที่อาจจะไม่เหมาะสม เช่น การพูดคำสบถ เสียงดัง ด้วยนะครับ