สอบถามการใช้งานระบบ?

(02)913 - 7555 กด 4104

ฝ่ายบริการสมาชิกเว็บไซต์

“รู้ตน” ช่วยวัยรุ่น EF ดี

กระบวนการทำงานของสมองซับซ้อน และอาศัยการเชื่อมประสานกันระหว่างสมองหลายส่วนที่ทำหน้าที่แตกต่างกันไป ในขณะที่สมองบริเวณท้ายทอยกำกับการทำงานระบบพื้นฐานของร่างกาย ตั้งแต่ระบบหายใจ ระบบย่อยอาหาร การสืบพันธุ์ อุณหภูมิรวมทั้งการทรงตัวของร่างกาย สมองส่วนกลางทำหน้าที่เกี่ยวกับความจำและอารมณ์ สมองส่วนหน้าทำหน้าที่ขั้นสูงสุด คือการคิดและบริหารจัดการชีวิต (Executive Function: EF) ซึ่งมีทักษะต่างๆที่ทำงานร่วมกันและเชื่อมโยงการทำงานกับสมองส่วนอื่น ในการกำกับอารมณ์ ความคิด การกระทำ เพื่อไปบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้

คนที่มีทักษะสมองส่วนหน้าหรือทักษะEF ดี จะเป็นคนที่คิดเป็น ทำเป็น เรียนรู้เป็น แก้ปัญหาเป็น อยู่กับผู้อื่นเป็น และมีความสุขเป็น งานวิจัยจำนวนมากพบว่า คนที่มี Executive Function ดีจะประสบความสำเร็จในชีวิต การงาน สุขภาพและความสัมพันธ์กับผู้อื่น

          ส่วนประกอบที่สำคัญเรื่องหนึ่งสำหรับพ่อแม่ ครูและสังคมที่ต้องการพัฒนาทักษะสมองส่วนหน้าของเด็กและเยาวชน จำเป็นต้องเข้าใจ คือ การให้โอกาสเด็กได้ “เห็น” ตนเอง เข้าใจความต้องการของตนเอง และได้ “ตอบสนอง”เป้าหมายและความต้องการตนเอง จะเป็นพื้นฐานสำคัญในการส่งเสริมทักษะสมองส่วนหน้าได้พัฒนาอย่างเต็มที่ นำไปสู่ความสามารถในการรับผิดชอบต่อตนเองและ “ตระหนักในคุณค่า”ของตนเองในที่สุด

          ธรรมชาติของเด็กที่เกิดมาทุกคนมีความต้องการพื้นฐานของชีวิตและความต้องการเฉพาะ ในตอนที่ยังเป็นทารก เด็กแสดงความต้องการออกมาผ่านการร้องไห้ และแสดงอาการต่างๆซึ่งพ่อแม่และคนเลี้ยงจะเข้าใจว่า เด็กหิว เจ็บ มีความสุข ด้วยการสังเกตแล้วตอบสนองต่อความต้องการที่เกิดขึ้นเหล่านั้น เมื่อโตขึ้นเด็กก็จะถูกสอนให้บอกความต้องการของตนผ่านภาษาและการสื่อสาร แล้วเด็กๆค่อยเรียนรู้มากขึ้น จนเมื่อเข้าสู่ระบบโรงเรียน เด็กต้องปรับตัวว่าความต้องการของตนนั้นต้องมีจังหวะจะโคน ตนเองมีเวลาที่แน่นอนในการกิน นอน เล่น และเรียนตามหลักสูตรที่ถูกกำหนดไว้

          เด็กและวัยรุ่นเติบโตขึ้นมาในระบบโรงเรียนและสังคม ที่สอนให้จัดการกับเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นตรงหน้า เช่น เมื่อเป็นนักเรียน ต้องเรียนตามหลักสูตรที่ถูกกำหนดไว้ ไม่ว่าตนเองจะชอบหรือไม่ ต้องเรียนรู้ว่าจะเรียนอย่างไรให้ได้คะแนนดี ฯลฯ ตามมาตรฐาน ความคาดหวังของสังคม ระบบ และคนรอบข้าง เด็กและวัยรุ่นของเราส่วนใหญ่จึงเติบโตขึ้นมาโดยมีโอกาสน้อยมากในการบอกว่า ตนเองเป็นคนแบบไหน อยากจะรู้อะไร อยากเรียนรู้แบบไหน ต้องการเรียนอย่างไรเพื่อให้ตนเองมีความเข้าใจเรื่องที่กำลังเรียนได้มากที่สุด

เด็กที่พยายามบอกความต้องการของตนเองที่ต่างไปจากคนอื่น มักจะถูกมองว่ากำลังก่อกวน หรือขัดขวางนักเรียนคนอื่นในการเรียนรู้ การถูกครูดุเมื่อถามสิ่งที่ตนอยากรู้ หรือถูกตำหนิเมื่อแสดงออกถึงความต้องการของตนเอง ทำให้เด็กส่วนมากเรียนรู้อย่างรวดเร็วว่า การแสดงออกถึงความต้องการของตนเองที่มีความแตกต่างออกไปนั้น ครูและเพื่อนไม่ชอบ และต่อจากนั้นมักจะไม่ทำอย่างนั้นอีก ซึ่งครูและสังคมก็เห็นว่า เป็นเรื่องที่ดี เพราะเด็กควรอยู่ในกรอบและระเบียบที่วางไว้

          ระบบการศึกษาที่เป็นอยู่ของเราคือ ระบบอุตสาหกรรม ที่ผลิตคนออกมาทำงานในยุคศตวรรษที่ผ่านมา ซึ่งต้องการให้คนทำงานร่วมไปกับเครื่องจักรในการผลิตสินค้า ระบบการประเมิน หลักสูตรจึงมีความตายตัว จึงเป็นการยากสำหรับครูที่ต้องการส่งเสริมให้เด็กได้พบ และเรียนตามเป้าหมายและเรื่องที่ตนสนใจ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยในการจัดการ

สิ่งที่ควรเป็นเพื่อส่งเสริมให้เด็ก โดยเฉพาะวัยรุ่นในช่วงอายุตั้งแต่สิบสองไปจนถึงยี่สิบห้า ได้รู้ว่าตนชอบอะไร ต้องการเรียนอะไร ไปเพื่ออะไร จึงจำเป็นต้องเริ่มต้นที่การสร้างระบบนิเวศของการเรียนในโรงเรียน ที่เอื้อต่อการพัฒนาทักษะสมอง EF ด้วยการมีวิชาพื้นฐานเท่าที่จำเป็น เช่น ภาษา คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ส่วนที่นอกเหนือจากนั้นคือการทำแบบ Project – Based Learning , Problem – Based Learning เพื่อท้าทายให้นักเรียนเรียนรู้ด้วยการลงมือทำ และค้นคว้า บูรณาการศาสตร์ต่างๆเข้ามาแก้โจทย์ที่ตนสนใจ

          อย่างไรก็ตาม ในข้อจำกัดที่เป็นอยู่ของระบบในปัจจุบัน ครูสามารถเริ่มลงมือสนับสนุนให้ลูกศิษย์ได้รู้จักตนเอง ความต้องการเรียนของตนเองได้ทันที ด้วยวิธีการง่ายๆคือ

          การตั้ง “คำถาม” ปลายเปิดให้เด็กได้มีโอกาส สะท้อน ตนเองออกมา เช่น

  • ในหัวข้อที่ฉันต้องเรียน  ฉันอยากรู้เรื่องอะไรมากที่สุด

ในโรงเรียนที่ใช้นวัตกรรมจิตศึกษา (เครือข่ายโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา) เช่น ในวิชาวิทยาศาสตร์ ซึ่งเรียนเรื่องอากาศ ครูจะให้นักเรียนได้บอกว่า เรื่องอากาศนี้ตนเองอยากรู้อะไรมากที่สุด เด็กบางคนอาจจะสนใจเรื่องมลพิษ PM 2.5 เด็กบางคนสนใจเรื่องออกซิเจน เด็กบางคนสนใจเรื่องการลอยบอลลูนในอากาศ ว่าทำได้อย่างไร ฯลฯ ความสนใจที่หลากหลายของเด็กในห้อง ทำให้ความรู้ในเรื่องที่ต้องเรียนกว้างขวางหลากหลายขึ้นทันที และครูก็ได้เปลี่ยนบทบาทของตน เป็นผู้อำนวยหรือ Facilitator ให้นักเรียนได้ค้นคว้าเอาสิ่งที่ตนสนใจมานำเสนอและเรียนรู้ในห้องกัน เมื่อความสนใจของนักเรียนมารวมกัน ก็ทำให้ข้อมูลความรู้เรื่องอากาศนั้นครอบคลุมกว้างขวางและน่าสนใจกว่าการให้ครูมายืนบรรยายตามหนังสือไม่กี่หน้า

อย่าลืมว่า เราอยู่ในยุคที่ข้อมูลต่างๆค้นคว้าได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว

  • ฉันจะเรียนเรื่องนั้นอย่างไร

เด็กบางคนเรียนได้ดีผ่านประสบการณ์ตรง บางคนเรียนได้ดีผ่านการฟัง บางคนวาดเป็นภาพแล้วเข้าใจมากกว่า บางคนชอบอ่าน บางคนชอบดู การให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยวิธีการที่ตนถนัด ทำให้เรียนได้ดีขึ้น

  • ฉันสามารถทำอะไรบ้าง เพื่อให้ฉันเรียนได้ดีขึ้น สนุกขึ้น

คำถามนี้ส่งเสริมให้นักเรียนโดยเฉพาะช่วงวัยรุ่นได้เรียนรู้ เปิดมุมมองและตระหนักถึงความสามารถในการลุกขึ้นมารับผิดชอบต่อความต้องการของตนเอง

  • สิ่งที่ฉันสามารถ “สนับสนุนตัวเอง” ทำให้ฉันได้เรียนอย่างที่ฉันต้องการคืออะไร

เป็นโจทย์หรือคำถามที่สนับสนุนให้เกิดการคิด แล้วเลือกที่จะลงมือทำ สร้างเงื่อนไขหรือปัจจัยเพื่อให้ไปสู่เป้าหมาย พัฒนาทักษะปฏิบัติของสมองส่วนหน้า EF ในเรื่องริเริ่มลงมือ วางแผนจัดการและพุ่งเป้า

           การที่พ่อแม่และครูถามความต้องการของเด็ก โดยเฉพาะวัยที่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่น หรืออยู่ในระหว่างเป็นวัยรุ่น จะช่วยให้เด็กและวัยรุ่นได้ค่อยๆเรียนรู้ ที่จะเข้าใจว่า ตนเองต้องการอะไร ชอบอะไร อีกทั้งรู้ว่า มีสิ่งใดที่ตนรู้ และสิ่งใดที่ตนไม่รู้ในเรื่องที่ตนอยากเรียน ทำให้ได้สำรวจเรียนรู้ตนเอง

สมองที่เรียนรู้เข้าใจตนเอง จะสามารถเชื่อมโยงความเข้าใจต่อคนอื่นได้ด้วย ว่าต่างมีความต้องการพื้นฐานที่เหมือนกัน ขณะเดียวกันทุกคนก็มีความแตกต่าง และต้องการการตอบสนองที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดวุฒิภาวะ อันหมายถึงความสามารถในการยับยั้งชั่งใจ ควบคุมอารมณ์ความต้องการและการแสดงออกของตนเองได้ด้วยตนเอง

          วุฒิภาวะของวัยรุ่น แสดงออกด้วยการตระหนักถึงโลกและคนที่อยู่รอบตัว และแสดงออกหรือจัดการผ่านการไตร่ตรอง ในตอนที่ยังเล็กเด็กคนหนึ่งสนใจแต่เรื่องของ “ตนเอง” ว่ารู้สึกอย่างไร เมื่อเติบโตขึ้น การมีปฏิสัมพันธ์ มีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น จึงค่อยเข้าใจว่านอกจาก “ตนเอง”แล้วยังมี “คนอื่น” ในโลกรอบตัว และโอกาสที่ได้รู้ว่า “ตน” มีความต้องการอย่างไร มีเป้าหมายอะไร ได้สะท้อนออกมาผู้อื่นรับรู้ ได้รับการตอบสนอง

ทำให้วัยรุ่นที่เติบโตขึ้นมาได้ตระหนักถึง “ตัวตน”ของตนเอง เห็นคุณค่าของตนเอง (Self) ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญยิ่งในการเปิดสมองส่วนหน้าให้ทักษะเชิงบริหารจัดการชีวิต (EF) ทำงานได้อย่างเต็มที่ พร้อมไปกับการตระหนักถึงคนอื่น และปรับตัวจัดความสัมพันธ์กับโลกรอบตัวได้อย่างเหมาะสมด้วย


อ้างอิง

-Marydee Sklar, 50 TIPS to Help Students Succeed, Paperback, February 12, 2014

Related Articles

นางกษมน มังคละคีรี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านกลางนาเดื่อ จ.สกลนคร

โรงเรียนบ้านกลางนาเดื่อเป็นโรงเรียนในโครงการโรงเรียนพัฒนาตนเอง (TSQP) ผอ.กษมน ได้รับการแนะนำให้รู้จักเรื่องEF จากอาจารย์วิเชียร ไชยบัง โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา แล้วศึกษาเพิ่มเติมทางอินเทอร์เน็ตและเข้าอบรมกับสถาบันRLG เมื่อเดือนเมษายน 2564 โดยให้ครูปฐมวัยในโรงเรียนเข้ารับการอบรมด้วย ซึ่งเป็นครูที่จบเอกปฐมวัยมาโดยตรง และมีความมุ่งมั่นที่จะนำความรู้สู่การปฏิบัติในชั้นเรียน เมื่อตระหนักถึงความสำคัญของ EF ตรงกัน ผอ.กษมนจึงให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่ ให้ครูปฐมวัยได้จัดการเรียนการสอนส่งเสริม EF โดยไม่ได้รอความเห็นชอบจากศน.เขตพื้นที่ฯ เพราะเห็นว่า EF เป็นความรู้ที่สอดคล้องกับหลักการศึกษาปฐมวัยอยู่แล้ว สามารถบูรณาการไปกับการส่งเสริมพัฒนาการ...

นางเปรมศิริ เนื้อเย็น ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองบ้วย ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองบ้วย  จ.เพชรบุรี

ผอ.เปรมศิริได้รับการแนะนำให้รู้จักเรื่อง EFจากศึกษานิเทศน์เขตพื้นที่การศึกษาเพชรบุรีเขต 2 และ ศน.เชิญชวนให้เข้ารับการอบรมความรู้ EF กับสถาบัน RLG แล้วนำความรู้ EF มาขยายสู่ครูปฐมวัยในโรงเรียนให้ครูได้ส่งเสริมEF เด็กผ่านโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย เนื่องจากมีความสอดคล้องกัน โดยบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยส่งเสริมให้เด็กได้คิดวิเคราะห์ เรียนรู้จากการลงมือทำ นอกจากนั้นยังวางแผนจะเชื่อมโยงความรู้ EF ไปสู่ครูในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองบ้วย เพื่อเป็นการปูพื้นฐาน EF ให้เด็กจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่จะมาเรียนต่ออนุบาล 3 ที่โรงเรียนบ้านหนองบ้วย ทำให้เด็กได้รับการพัฒนา...

นายทวิต ราษี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านป้อมประชานุกูล จ.สุโขทัย

ผอ.ทวิต ราษี มีประสบการณ์บริหารโรงเรียนขนาดเล็กที่มีระดับชั้นปฐมวัยมานานโดยมีความตั้งใจในการพัฒนาอนุบาลให้มีคุณภาพเพราะเป็นการสร้างรากฐานให้เด็กไปจนโต และมีความสนใจในเรื่องพัฒนาการเด็ก เมื่อเข้าร่วมอบรมเรื่อง EF จากสถาบัน RLG ก็ได้เข้าใจว่าพัฒนาการของเด็กนั้นเกิดจากการทำงานของสมอง และยังเห็นว่าเรื่อง EF มีความสอดคล้องกับโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อยที่โรงเรียนบ้านป้อมประชานุกูลดำเนินการอยู่ จึงสนใจที่จะขับเคลื่อนความรู้ EF ในโรงเรียน(ที่เพิ่งเข้ามาบริหาร) ผอ.ทวิตนำความรู้ EF มาถ่ายทอดแก่ครู ให้ครูนำความรู้ EF บูรณาการกับโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อยซึ่งเป็นการเรียนรู้แบบโครงงาน เพียงครูเปลี่ยนวิธีการ ไม่ใช่ครูสั่งให้เด็กทำ แต่ให้เด็กได้คิดได้ทำด้วยตัวเอง...

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here

Stay Connected

74,430แฟนคลับชอบ
- โครงการ “สื่อเพื่อฟื้นฟูการพัฒนาเด็กปฐมวัย ในวิถีชีวิตใหม่” -
- EF Development Tools -

Latest Articles

นางกษมน มังคละคีรี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านกลางนาเดื่อ จ.สกลนคร

โรงเรียนบ้านกลางนาเดื่อเป็นโรงเรียนในโครงการโรงเรียนพัฒนาตนเอง (TSQP) ผอ.กษมน ได้รับการแนะนำให้รู้จักเรื่องEF จากอาจารย์วิเชียร ไชยบัง โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา แล้วศึกษาเพิ่มเติมทางอินเทอร์เน็ตและเข้าอบรมกับสถาบันRLG เมื่อเดือนเมษายน 2564 โดยให้ครูปฐมวัยในโรงเรียนเข้ารับการอบรมด้วย ซึ่งเป็นครูที่จบเอกปฐมวัยมาโดยตรง และมีความมุ่งมั่นที่จะนำความรู้สู่การปฏิบัติในชั้นเรียน เมื่อตระหนักถึงความสำคัญของ EF ตรงกัน ผอ.กษมนจึงให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่ ให้ครูปฐมวัยได้จัดการเรียนการสอนส่งเสริม EF โดยไม่ได้รอความเห็นชอบจากศน.เขตพื้นที่ฯ เพราะเห็นว่า EF เป็นความรู้ที่สอดคล้องกับหลักการศึกษาปฐมวัยอยู่แล้ว สามารถบูรณาการไปกับการส่งเสริมพัฒนาการ...

นางเปรมศิริ เนื้อเย็น ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองบ้วย ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองบ้วย  จ.เพชรบุรี

ผอ.เปรมศิริได้รับการแนะนำให้รู้จักเรื่อง EFจากศึกษานิเทศน์เขตพื้นที่การศึกษาเพชรบุรีเขต 2 และ ศน.เชิญชวนให้เข้ารับการอบรมความรู้ EF กับสถาบัน RLG แล้วนำความรู้ EF มาขยายสู่ครูปฐมวัยในโรงเรียนให้ครูได้ส่งเสริมEF เด็กผ่านโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย เนื่องจากมีความสอดคล้องกัน โดยบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยส่งเสริมให้เด็กได้คิดวิเคราะห์ เรียนรู้จากการลงมือทำ นอกจากนั้นยังวางแผนจะเชื่อมโยงความรู้ EF ไปสู่ครูในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองบ้วย เพื่อเป็นการปูพื้นฐาน EF ให้เด็กจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่จะมาเรียนต่ออนุบาล 3 ที่โรงเรียนบ้านหนองบ้วย ทำให้เด็กได้รับการพัฒนา...

นายทวิต ราษี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านป้อมประชานุกูล จ.สุโขทัย

ผอ.ทวิต ราษี มีประสบการณ์บริหารโรงเรียนขนาดเล็กที่มีระดับชั้นปฐมวัยมานานโดยมีความตั้งใจในการพัฒนาอนุบาลให้มีคุณภาพเพราะเป็นการสร้างรากฐานให้เด็กไปจนโต และมีความสนใจในเรื่องพัฒนาการเด็ก เมื่อเข้าร่วมอบรมเรื่อง EF จากสถาบัน RLG ก็ได้เข้าใจว่าพัฒนาการของเด็กนั้นเกิดจากการทำงานของสมอง และยังเห็นว่าเรื่อง EF มีความสอดคล้องกับโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อยที่โรงเรียนบ้านป้อมประชานุกูลดำเนินการอยู่ จึงสนใจที่จะขับเคลื่อนความรู้ EF ในโรงเรียน(ที่เพิ่งเข้ามาบริหาร) ผอ.ทวิตนำความรู้ EF มาถ่ายทอดแก่ครู ให้ครูนำความรู้ EF บูรณาการกับโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อยซึ่งเป็นการเรียนรู้แบบโครงงาน เพียงครูเปลี่ยนวิธีการ ไม่ใช่ครูสั่งให้เด็กทำ แต่ให้เด็กได้คิดได้ทำด้วยตัวเอง...

นายสวัสดิ์ เมฆสุนทร  ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองโพธิ์ จ.นครราชสีมา 

ผอ.สวัสดิ์ได้รับการแนะนำจากอาจารย์วิเชียร ไชยบัง โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา ให้รู้จัก EF รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่อง EF ในการประชุมเครือข่ายโรงเรียนพัฒนาตนเอง(TSQP)อยู่เสมอ และเข้ารับการอบรมกับสถาบัน RLG เพิ่มเติม  แล้วเห็นว่า EF เป็นความรู้พื้นฐานหรือความรู้ปฐมบทที่พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ว่าสถานะใดควรต้องรู้ ไม่ใช่เฉพาะผู้ปกครองชนชั้นกลางขึ้นไปที่มีความรู้ หรือเป็นความรู้ในหมู่ครูอาจารย์หรือแพทย์เท่านั้น  ครอบครัวที่ด้อยโอกาสก็ควรต้องรู้ สรุปคือสังคมไทยควรต้องเรียนรู้เรื่อง EF เพื่อให้เด็กได้มีโอกาสพัฒนาอย่างเท่าเทียมกันจึงสนับสนุนให้ครูปฐมวัยในโรงเรียนได้รับการอบรม EF จากสถาบัน RLG และดำเนินการปรับสนามเด็กเล่นเพื่อให้เด็กได้เล่นอิสระอย่างปลอดภัยและมีความสุข...

นายจรูญ น้อยสำราญ  ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองบอน จ.ตราด

โรงเรียนบ้านหนองบอนเป็นโรงเรียนหนึ่งในเครือข่ายโรงเรียนพัฒนาตนเอง (TSQD) กสศ.ซึ่งทำให้ผอ.จรูญได้เริ่มรู้จัก EF แล้วทำให้อยากรู้ว่า EF คืออะไร เมื่อพบว่าสถาบัน RLG มีการอบรมเรื่องนี้จึงสมัครเข้ารับอบรมพร้อมครูอนุบาล 2 คน  แล้วได้เห็นว่า EF เป็นคำตอบเรื่องการพัฒนาเด็กให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ และการพัฒนาเด็กให้เต็มศักยภาพ จึงนำความรู้ EF มาถ่ายทอดให้ครูในโรงเรียน โดยใช้สื่อจากสถาบันRLG ให้ครูเรียนรู้ และมอบหมายให้รองผอ.ติดตามการดำเนินการขับเคลื่อนความรู้ EF สู่การปฏิบัติในชั้นเรียนอนุบาล...