Page 146 - คู่มือ Executive Functions สำหรับครูปฐมวัย
P. 146

ในสมองก่อน แล้วจึงน�ำไปประมวลผลรวมกับค�ำว่ำ ไม่วิ่ง อีกครั้งหนึ่ง เพื่อแปลผล                    ถึงแม้ว่ำผู้เลี้ยงดูจะมีควำมตั้งใจที่จะสอนเด็กๆ ให้มีพัฒนำกำรและพฤติกรรม
                                     ออกมำเป็นค�ำว่ำไม่วิ่ง เมื่อกำรแปลผลซับซ้อนเช่นนี้ แต่ทักษะสมอง EF ยังไม่ดีพอ                 ที่ดีที่สุด แต่เมื่อต้องจัดกำรกับพฤติกรรมที่ไม่เหมำะสมของเด็ก ก็มักจะตอบสนอง

                                     สมำธิจดจ่อในกำรแปลสั้นก็จะท�ำให้เด็กเล็กเกิดควำมสับสนได้ง่ำย จึงแสดง                          ต่อพฤติกรรมนั้นทันทีด้วยวิธีกำรเดียวกันกับที่เคยได้รับกำรสอนจำกพ่อแม่
                                     พฤติกรรมออกมำตำมสิ่งที่ได้ยินและเข้ำใจเท่ำนั้น จึงเป็นเหตุผลอธิบำยว่ำ ท�ำไม                   หรือครูในวัยเด็ก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นวิธีกำรควบคุมมำกกว่ำกำรสอน จึงมีผล

                                     เมื่อเรำพูดว่ำ “ไม่วิ่ง” เด็กจึงวิ่ง                                                          ไปกระตุ้นพฤติกรรมที่ไม่เหมำะสมมำกกว่ำกำรช่วยสอนและฝึกฝนให้เด็ก
                                       นอกจำกนี้บำงครั้งค�ำว่ำ “ห้ำม” “ไม่” “อย่ำ” และ “หยุด” ยังเป็นกำรชี้น�ำเด็ก                 มีพฤติกรรมที่เหมำะสม

                                     ให้ท�ำพฤติกรรมที่ไม่เหมำะสมอีกด้วย เช่น “อย่ำจิ้มเค้กนะ” “ตอนคุณหมอฉีดยำ                        หำกผู้เลี้ยงดูต้องเจอกับพฤติกรรมที่ไม่เหมำะสมบ่อยๆ ก็จะเกิดเป็นควำมเครียด
                                     ไม่ต้องกลัวนะคะ”                                                                              สะสม ส่งผลให้โกรธง่ำยขึ้น แรงขึ้น จนไม่สำมำรถควบคุมอำรมณ์ได้ และอำจ

                                       บำงทีเด็กยังไม่ทันคิดว่ำจะจิ้มเค้ก หรือ จะกลัวคุณหมอฉีดยำ แต่เมื่อครูพูดเตือน               ระบำยอำรมณ์ออกมำเป็นกำรต่อว่ำด้วยค�ำพูดรุนแรง ท�ำร้ำยจิตใจและร่ำงกำย
                                     ขึ้นมำ เด็กก็จะเอำมือจิ้มเค้ก หรือ กลัวคุณหมอฉีดยำขึ้นมำทันที เหตุที่เป็นเช่นนั้น             ของเด็กได้เช่นเดียวกัน

                                     ก็เพรำะว่ำ กำรแปลผลที่สลับซับซ้อนไปตรงกับควำมรู้สึกของเด็ก จึงเกิดเป็น                          ดังนั้นทั้งเด็กและผู้เลี้ยงดูจ�ำเป็นจะต้องมีทักษะสมอง EF ในกำรควบคุมอำรมณ์
                                     แรงผลักภำยในอย่ำงแรงกล้ำที่ท�ำให้เด็กแสดงพฤติกรรมนั้นๆ ออกมำ ก่อนที่สมอง                      ของตนเอง ให้สำมำรถอดทน พยำยำมเรียนรู้ ตอบสนองควำมต้องกำรซึ่งกันและ

                                     จะทันแปลผล และสั่งกำรควบคุมพฤติกรรม                                                           กัน และสร้ำงสำยสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน กำรสร้ำงวินัยเชิงบวกจึงมีควำมส�ำคัญมำก

                                                                                                                                   ต่อกำรพัฒนำทักษะสมอง EF เพรำะจะเป็นเครื่องมือสื่อสำรที่มีประสิทธิภำพส�ำหรับ
                                       ช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการพัฒนาทักษะสมอง EF                                       ผู้เลี้ยงดู ในกำรตอบสนองควำมต้องกำรขั้นพื้นฐำนทำงจิตใจของเด็กปฐมวัย เป็น
                                       กำรสร้ำงวินัยเชิงบวกเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้ำงสิ่งแวดล้อม บรรยำกำศ                          เครื่องมือที่ใช้ในกำรสอนและฝึกฝนพฤติกรรมที่เหมำะสมให้กับเด็กปฐมวัย ในขณะ

                                     ภำยในบ้ำนและห้องเรียนให้เอื้อต่อกำรเรียนรู้และพัฒนำทักษะสมอง EF เนื่องจำก                     ที่ยังคงรักษำซึ่งควำมสัมพันธ์ที่ดีระหว่ำงเด็กและผู้เลี้ยงดู
                                     ครูปฐมวัยและพ่อแม่ที่ใช้กำรสร้ำงวินัยเชิงบวกจะสำมำรถช่วยผ่อนคลำยอำรมณ์                          ที่ส�ำคัญ นอกจำกผู้เลี้ยงดูที่ใช้วิธีกำรสร้ำงวินัยเชิงบวกจะช่วยสร้ำงควำม

                                     ท�ำให้ควำมคับข้องใจภำยในของเด็กลดลงอยู่ในระดับที่เด็กสำมำรถควบคุมอำรมณ์                       ทรงจ�ำดีๆ ให้เด็กได้เก็บไว้เป็นประสบกำรณ์เดิมที่มีคุณภำพ สำมำรถน�ำไปใช้ใน
                                     ตัวเองได้ รวมถึงสำมำรถสร้ำงสิ่งแวดล้อมภำยนอกให้มีควำมสันติ ปลอดภัย และ                        กำรประมวลผลและตัดสินใจในอนำคตได้แล้ว ยังช่วยเป็นแบบอย่ำงที่ดีให้กับเด็ก

                                     สำมำรถคำดเดำได้ สมองลิมบิกจึงสำมำรถเชื่อมโยงข้อมูลกับสมองส่วนหน้ำได้                          อีกด้วย เด็กสำมำรถเรียนรู้และฝึกฝนวิธีกำรสร้ำงวินัยเชิงบวกได้ง่ำยขึ้นจำกกำร
                                     เกิดเป็นทักษะสมอง EF ที่เด็กใช้ในกำรก�ำกับควบคุมตนเองไปจนบรรลุเป้ำหมำย                        ซึมซับจนติดเป็นนิสัย สำมำรถน�ำไปใช้กับผู้อื่นได้อย่ำงเป็นธรรมชำติ เด็กจะมี

                                       จะเห็นได้ว่ำพัฒนำกำรและกระบวนกำรท�ำงำนของสมอง จิตใจ และพฤติกรรม                             ปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นด้วยกำรให้เกียรติ ยอมรับ และเคำรพในควำมรู้สึก ควำมคิดเห็น
                                     ของเด็กในช่วงปฐมวัย เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ท้ำทำยเด็กและผู้เลี้ยงดูมำก ในขณะ                   ของผู้อื่น และแน่นอนว่ำวิธีกำรนี้ยังจะถูกถ่ำยทอดต่อไปรุ่นสู่รุ่นให้แก่ลูกหลำน

                                     ที่เด็กมีควำมต้องกำรพื้นฐำนทำงร่ำงกำยและจิตใจมำก แต่ยังมีพัฒนำกำรและ                          ในอนำคตอีกด้วย
                                     ประสบกำรณ์น้อย จึงยังไม่สำมำรถควบคุมควำมต้องกำรของตนเองและแสดงออก

                                     มำเป็นพฤติกรรมที่เหมำะสมได้ดีนัก








            146                                                                                                                                                                                                                  147
   141   142   143   144   145   146   147   148   149   150   151