Page 148 - คู่มือ Executive Functions สำหรับครูปฐมวัย
P. 148

4. หลักการสร้างวินัยเชิงบวก                                                                     ดังนั้นกำรเสนอทำงเลือกอย่ำงมีขอบเขต เช่น กำรถำมเด็กว่ำ “พรุ่งนี้เช้ำหนูจะ

                                                                                                                                   กินไข่ดำวหรือข้ำวต้ม” (ก�ำหนดขอบเขต) จึงเป็นหลักกำรสร้ำงวินัยเชิงบวกที่ช่วย
                                       หลักกำรสร้ำงวินัยเชิงบวกที่ท�ำให้วิธีกำรปลูกฝังวินัยเชิงบวกให้แก่เด็กปฐมวัย                 ให้เด็กได้แสดงควำมต้องกำรและควำมรู้สึก และได้รับกำรตอบสนองซึ่งเป็นกุญแจ

                                     ได้ผล ในที่นี้ได้น�ำเสนอเป็นหลักกำรส�ำคัญ 5 ประกำรที่เป็นกุญแจไขควำมต้องกำร                   ส�ำคัญที่จะช่วยจูงใจเด็กให้ตัดสินใจท�ำพฤติกรรมเป้ำหมำยได้มำกกว่ำกำรบอกให้รู้

                                     และควำมร่วมมือของเด็กปฐมวัย สำมำรถน�ำไปใช้ได้อย่ำงครอบคลุมทุกบริบทและ                         เช่น “พรุ่งนี้กินข้ำวไข่ดำวนะลูก” และกำรเสนอทำงเลือกแบบไม่มีขอบเขต เช่น
                                     ทุกทักษะที่ต้องกำรจะส่งเสริมให้เเก่เด็กปฐมวัย                                                 “พรุ่งนี้หนูจะกินอะไร” เป็นต้น



                                     1)  กำรมีส่วนร่วมในกำรก�ำหนดขอบเขต ข้อตกลง                                                    3)  กำรสอนวิธีกำรจัดกำรอำรมณ์ผ่ำนกำรแสดงควำมเห็นอกเห็นใจ

                                          หนึ่งในวิธีกำรที่ดีที่สุดส�ำหรับกำรส่งเสริมพัฒนำกำรทักษะสมอง EF ของเด็ก                       กำรสอนวิธีกำรจัดกำรอำรมณ์มีควำมส�ำคัญต่อกำรส่งเสริมทักษะสมอง EF
                                     ปฐมวัยคือกำรฝึกฝน กำรฝึกฝนของเด็กปฐมวัยเริ่มต้นจำกกำรเรียนรู้ขอบเขต                           เป็นอย่ำงมำก เพรำะถ้ำเด็กไม่สำมำรถจัดกำรกับอำรมณ์ตัวเองได้ ก็จะไม่สำมำรถ
                                     พฤติกรรมที่สำมำรถแสดงออกได้ ซึ่งถูกก�ำหนดโดยสังคมภำยนอกและกำรก�ำกับ                           ควบคุมตนเองให้ใช้ทักษะสมอง EF ในกำรคิดและตัดสินใจได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ

                                     ควบคุมควำมต้องกำรของตนเอง ซึ่งเป็นแรงผลักภำยในให้แสดงออกมำเป็น                                  กำรสอนวิธีกำรจัดกำรอำรมณ์จะได้ผลดี เมื่อผู้เลี้ยงดูแสดงควำมเห็นอกเห็นใจ

                                     พฤติกรรมตำมขอบเขตที่ก�ำหนด ดังนั้นกำรก�ำหนดขอบเขตพฤติกรรมจึงจ�ำเป็นต้อง                       เด็กในขณะที่ก�ำลังมีควำมคับข้องใจและแสดงออกมำเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมำะสม
                                     ให้เด็กมีส่วนร่วมในกำรท�ำข้อตกลงร่วมกันระหว่ำงเด็กกับผู้เลี้ยงดู ซึ่งกำรท�ำ                   โดยกำรบอกชื่ออำรมณ์ สำเหตุที่ท�ำให้เกิดอำรมณ์นั้น พฤติกรรมที่ไม่เหมำะสม และ
                                     ข้อตกลงร่วมกันจะท�ำให้เด็กเข้ำใจที่มำ เหตุผล และควำมส�ำคัญของข้อตกลง                          พฤติกรรมเป้ำหมำยที่ต้องกำรสอน เช่น “ครูเข้ำใจว่ำหนูโกรธเพื่อนที่เพื่อนแย่ง

                                     มำกขึ้นโดยไม่รู้สึกว่ำถูกควบคุมบังคับ จึงท�ำให้เด็กเล็กเกิดแรงจูงใจที่จะยึดถือ                ของเล่นไปจำกมือ หนูจึงตีเพื่อน หนูพร้อมที่จะใช้ค�ำพูดดีๆ กับเพื่อนเมื่อไหร่

                                     เป็นหลักปฏิบัติในกำรฝึกฝนตนเองให้ท�ำตำมข้อตกลงหรือกฎระเบียบนั้นๆ ได้                          ให้หนูเดินไปบอกเพื่อนนะคะว่ำหนูขอของเล่นคืน และขอโทษที่ไปตีเพื่อนค่ะ”
                                                                                                                                     กำรแสดงควำมเห็นอกเห็นใจตำมแบบแผนนี้ จะช่วยผ่อนคลำยควำมคับข้อง          92% ของครู
                                     2)  กำรเสนอทำงเลือกอย่ำงมีขอบเขต                                                              ใจลงให้อยู่ในระดับที่สำมำรถควบคุมอำรมณ์ให้ท�ำควำมเข้ำใจกับสถำนกำรณ์      ปฐมวัยและพ่อแม่
                                                                                                                                                                                                            ใช้การสร้างวินัยเชิง
                                          ถึงแม้ว่ำกำรก�ำหนดขอบเขตพฤติกรรมจะเป็นสิ่งที่ขำดไม่ได้ในกำรปลูกฝังวินัย                  ที่เกิดขึ้นได้ว่ำอำรมณ์และพฤติกรรมที่ไม่เหมำะสมคืออะไร และต้องจัดกำร     บวกผิดหลักการ

                                     แต่อย่ำงไรก็ตำม กำรสอนให้เด็กท�ำตำมขอบเขตพฤติกรรมนั้นก็ยังจ�ำเป็นที่จะต้อง                    อย่ำงไร เนื่องจำกกำรบอกสำเหตุและชื่ออำรมณ์ รวมถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมำะสม   เช่น การ Time out
                                     ยืดหยุ่นพอที่จะรับฟัง และตอบสนองควำมต้องกำรและควำมรู้สึกของเด็กปฐมวัย                         ในขณะที่เด็กก�ำลังมีอำรมณ์นั้นๆ อยู่ เป็นกำรเรียนรู้ด้วยควำมรู้สึก (Learning by   การเพิกเฉยต่อ
                                     เพรำะกำรก�ำหนดขอบเขตพฤติกรรมโดยไม่รับฟังควำมต้องกำรและควำมรู้สึก                              Feeling) ซึ่งจะช่วยให้เด็กเข้ำใจอำรมณ์นั้นได้อย่ำงลึกซึ้ง นอกจำกนี้กำรบอก  ความต้องการ
                                                                                                                                                                                                            พื้นฐานของเด็ก
                                     ของเด็กจะกลำยเป็นค�ำสั่ง ท�ำให้เด็กรู้สึกว่ำถูกควบคุมและไม่อยำกท�ำตำม นอกจำก                  พฤติกรรมที่คำดหวัง พร้อมกับกำรให้เวลำเด็กได้คิดว่ำจะพร้อมเมื่อไหร่ เป็น   การยืดหยุ่นจนละเลย

                                     นี้กำรก�ำหนดขอบเขตพฤติกรรมที่อนุญำตให้เด็กแสดงควำมต้องกำรและควำมรู้สึก                        กำรช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ที่จะจัดกำรกับควำมรู้สึกของตนเอง และเตรียมพร้อม   การสอน เป็นต้น
                                     ได้อย่ำงไม่มีขอบเขตก็จะน�ำไปสู่กำรปฏิเสธควำมต้องกำรและควำมรู้สึกของเด็ก                       ที่จะตัดสินใจท�ำพฤติกรรมเป้ำหมำย
                                     ท�ำให้เด็กรู้สึกไม่พอใจ และแสดงควำมไม่พอใจนั้นออกมำเป็นพฤติกรรมที่ไม่

                                     เหมำะสม





            148                                                                                                                                                                                                                  149
   143   144   145   146   147   148   149   150   151   152   153