Page 143 - คู่มือ Executive Functions สำหรับครูปฐมวัย
P. 143
แต่ในทำงตรงกันข้ำม พัฒนำกำรสมองของเด็กปฐมวัยเป็นกระบวนกำร สถานการณ์ปัจจุบัน สถำนกำรณ์ปัจจุบันเป็นสถำนกำรณ์ใหม่ที่ไม่อำจควบคุมได้
เจริญเติบโต และพัฒนำแบบ Bottom Up คือ สมองระดับล่ำงสุดคือสมองแกน สถานการณ์ แต่ทักษะสมอง EF เป็นเครื่องมือที่ติดตัวเด็กๆ ไปจนโต
ปัจจุบัน
และสมองระดับกลำงคือสมองลิมบิก มีกำรเจริญเติบโตเต็มที่เร็วที่สุดตำมล�ำดับ เป้ำหมำยของครูปฐมวัยและพ่อแม่ คือ กำรส่งเสริมให้เด็กๆ สำมำรถใช้ทักษะ
ในขณะที่สมองระดับสูงคือสมองส่วนหน้ำมีกำรเจริญเติบโตเต็มที่ช้ำที่สุด โดยจะ สมอง EF ไปเผชิญกับสถำนกำรณ์ใหม่ที่ก�ำลังเผชิญอยู่ เพื่อไปให้ถึงเป้ำหมำยในชีวิต
เจริญเติบโตอย่ำงต่อเนื่องตั้งแต่แรกคลอดไปจนถึงวัยรุ่น และเจริญเติบโตจนเต็มที่ ด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงต้องใช้โอกำสที่เรำยังอยู่เคียงข้ำง คอยมองดูให้เด็กได้ลงมือท�ำ
เมื่อพฤติกรรม
ของเด็กแปรปรวน เมื่ออำยุประมำณ 25 ปี คิดริเริ่ม วำงแผน คิดแก้ไขปัญหำ ตัดสินใจลงมือปฏิบัติด้วยตัวเอง และคอยช่วยให้
ไปตามอารมณ์ จึงเป็นเรื่องธรรมดำที่พฤติกรรมส่วนใหญ่ของเด็กปฐมวัยจะแปรปรวนไปตำม ค�ำแนะน�ำในเวลำที่จ�ำเป็น หรือในเวลำที่เด็กต้องกำรควำมช่วยเหลือ แน่นอนว่ำ
แล้วเรา “ผู้ใหญ่” อำรมณ์และควำมต้องกำรของตนเอง มีควำมยับยั้งชั่งใจต�่ำ ควำมอดทนอดกลั้นน้อย สิ่งที่เด็กๆ ท�ำอำจจะยังช้ำ ไม่ทันใจเรำนัก หรือผลงำนยังออกมำไม่สมบูรณ์แบบ
อารมณ์จะแปรปรวน และมีขีดควำมสำมำรถในกำรเรียนรู้และท�ำควำมเข้ำใจจ�ำกัด ซึ่งถ้ำหำกพ่อแม่และ
ตามเด็กไปหรือไม่ อย่ำงที่เรำต้องกำร แต่กำรใช้ประสบกำรณ์ของผู้ใหญ่ที่มีมำกกว่ำไปคิดแทนและท�ำ
ครูปฐมวัยไม่เข้ำใจเรื่องพัฒนำกำรทักษะสมอง EF ก็จะอำรมณ์เสียและเครียดได้ง่ำย แทนเด็กๆ เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมำดีที่สุดนั้น เป็นกำรตัดโอกำสกำรเรียนรู้ฝึกฝนทักษะ
และเกิดเป็นค�ำถำมมำกมำย เช่น ท�ำไมสอนแล้วเด็กๆ ถึงไม่จ�ำ ท�ำไมบอกแล้วไม่ฟัง สมอง EF ของเด็กมำกที่สุดด้วยเช่นกัน
ท�ำไมไม่ยอมท�ำตำม ท�ำไมก้ำวร้ำว ท�ำไมเด็กดื้อ ดังนั้นควำมท้ำทำยของกำรเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยเพื่อส่งเสริมทักษะสมอง EF
ดังนั้นควำมท้ำทำยของกำรเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยเพื่อส่งเสริมทักษะสมอง EF คือ ในเรื่องนี้คือ กำรให้โอกำสเด็กได้ลงมือท�ำเองซ�้ำๆ บ่อยๆ และกำรยอมรับพฤติกรรม
กำรควบคุมอำรมณ์เมื่อเผชิญกับพฤติกรรมที่ไม่เหมำะสมของเด็ก และใช้วิธีกำร หรือผลงำนตำมศักยภำพและควำมสำมำรถของเด็กแต่ละคน
สอนที่เหมำะสมกับกำรส่งเสริมพัฒนำกำรทักษะสมอง EF
เป้าหมายในอนาคต เป้ำหมำยที่ตั้งใจของเด็กปฐมวัยบรรลุยำก โดยเฉพำะอย่ำงยิ่ง
ประสบการณ์ในอดีต ประสบกำรณ์ในอดีตของเด็กปฐมวัยมีเพียงน้อยนิด แต่เป็น เป้าหมาย เมื่อเป้ำหมำยของเด็กๆ แตกต่ำงจำกเป้ำหมำยครูปฐมวัยและพ่อแม่ เป้ำหมำย
ประสบการณ์ ปัจจัยส�ำคัญต่อกำรพัฒนำทักษะสมอง EF และคุณภำพของจิตใจและพฤติกรรม ที่ตั้งใจไว้ ของเด็กมักจะถูกแทนที่ด้วยเป้ำหมำยของผู้ใหญ่ เช่น เมื่อเด็กหยิบไม้กวำดมำ
ในอดีต ส�ำหรับเด็กปฐมวัย “ประสบกำรณ์ในอดีต” เป็นประสบกำรณ์เดิมที่ยังมีน้อย กวำดห้อง ครู พ่อแม่ จะมีปฏิกิริยำตอบสนองด้วยกำรบอกให้เด็กเก็บไม้กวำด เพรำะ
และมีเนื้อหำจ�ำกัดตำมศักยภำพกำรเรียนรู้ จึงยังมองไม่เห็นอย่ำงที่ผู้ใหญ่เห็น และ ไม่อยำกให้เด็กมือเปื้อน เป็นต้น ท�ำให้ทั้งผู้ใหญ่และเด็กไม่เข้ำใจซึ่งกันและกัน
ยังไม่เข้ำใจโลกใบนี้อย่ำงที่ผู้ใหญ่เข้ำใจ ดังนั้นกำรสอนและกำรฝึกฝนเด็กปฐมวัย ทะเลำะกันบ่อยครั้ง จนก่อเกิดเป็นสัมพันธภำพที่ไม่ดี ส่งผลให้เด็กหมดแรงจูงใจ
เพื่อส่งเสริมพัฒนำกำรทักษะสมอง EF จะต้องค�ำนึงถึงประสบกำรณ์ในอดีต ในกำรเริ่มต้นคิด ตั้งเป้ำหมำยและลงมือท�ำ
อำยุ ศักยภำพกำรเรียนรู้ และควำมต้องกำรพื้นฐำนทำงจิตใจของพวกเขำ เพื่อให้ นอกจำกนี้เป้ำหมำยของเด็กปฐมวัยที่ตั้งใจไว้มักจะไม่ค่อยบรรลุ เนื่องจำก
สำมำรถเข้ำใจสิ่งที่สอน และเก็บสั่งสมไว้ในคลังสมอง เป็นประสบกำรณ์เดิมที่จะ เด็กปฐมวัยจะไวต่อสิ่งเร้ำภำยในตัวเองเอง มีควำมรู้สึกไวต่อกำรเปลี่ยนแปลง
สำมำรถดึงออกมำใช้เป็นข้อมูลส�ำหรับคิดเชื่อมโยงกับเหตุกำรณ์เฉพำะหน้ำใน ทำงร่ำงกำย จิตใจและสิ่งเร้ำภำยนอกตัวเด็ก เช่น สิ่งแวดล้อมรอบตัวที่ดึงดูด
อนำคตได้ ควำมสนใจ นอกจำกนั้นยังมีควำมสำมำรถต�่ำในกำรขจัดสิ่งเร้ำทั้งภำยในและ
ดังนั้นอีกหนึ่งควำมท้ำทำยของกำรเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย เพื่อส่งเสริมทักษะสมอง ภำยนอก จึงท�ำให้เด็กเล็กไม่สำมำรถก�ำกับตนเองให้ไปถึงเป้ำหมำยได้
EF คือกำรสอนที่ค�ำนึงถึงประสบกำรณ์เดิมของเด็กปฐมวัย และกำรปลูกฝังคุณค่ำ
ทำงจิตใจ
142 143