Page 144 - คู่มือ Executive Functions สำหรับครูปฐมวัย
P. 144

ดังนั้นควำมท้ำทำยของกำรเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยเพื่อส่งเสริมทักษะสมอง EF                            ในทำงตรงข้ำม หำกตอบสนองพฤติกรรมของเด็กแบบอัตโนมัติ และไม่สำมำรถ
                                     ในข้อสุดท้ำย คือ กำรท�ำให้เป้ำหมำยของเด็ก ครู และพ่อแม่มีควำมสมดุลกัน                         ตอบสนองควำมต้องกำรของเด็กได้อย่ำงต่อเนื่อง คุณภำพควำมผูกพันจะพัฒนำขึ้น

                                     ด้วยวิธีกำรฝึกฝนที่จะช่วยจูงใจให้เด็กเกิดควำมมุ่งมั่น มีมำนะ รักษำสมำธิ และ                   มำเป็นควำมผูกพันแบบไม่ปลอดภัย (Insecure Attachment) เก็บไว้เป็นควำมทรง
                                     ลงมือท�ำจนส�ำเร็จตำมเป้ำหมำย                                                                  จ�ำระยะยำว

                                                                                                                                     ควำมผูกพันแบบไม่ปลอดภัยที่ฝังไว้ในควำมทรงจ�ำระยะยำว จะท�ำหน้ำที่
                                     ควำมส�ำคัญของกำรสร้ำงวินัยเชิงบวกต่อกำรส่งเสริมทักษะสมอง EF                                   เป็น“ประสบกำรณ์” ให้ระบบลิมบิกของเด็กคอยระแวดระวังภัย ไม่มีควำมมั่นคง

                                       เป็นเครื่องมือให้ครูปฐมวัยและพ่อแม่ใช้ทักษะสมอง EF ในการเลี้ยงดูเด็ก                        ทำงอำรมณ์ ไม่มีสมำธิจดจ่อ และเรียกร้องหำควำมต้องกำรเพื่อเติมเต็มจิตใจด้วย
           99 % ของพ่อแม่และครูปฐมวัย     เนื่องจำก โมเดล 5T เป็นหลักกำรท�ำงำนของกำรสร้ำงวินัยเชิงบวกที่ท�ำให้เกิด                 พฤติกรรมที่ไม่เหมำะสม ท�ำให้ทักษะสมอง EF พัฒนำขึ้นอย่ำงไม่มีคุณภำพ ส่งผล
          ในประเทศไทย (n = 7422)
          ใช้การสร้างวินัยเชิงลบในการ  แรงจูงใจในกำรท�ำพฤติกรรมเป้ำหมำย ดังนั้นกำรตระหนักถึงหลักกำรท�ำงำนตำม                       ต่อคุณภำพควำมคิดและกำรมองโลกของเด็กที่ไม่ดีอีกด้วย
          ควบคุมพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม  โมเดล 5T จะช่วยให้ผู้เลี้ยงดูเรียนรู้ที่จะใช้ทักษะสมอง EF ในกำรควบคุมสมอง
          ของเด็ก เช่น การเปรียบเทียบ ข่มขู่
          หลอกล่อ ต่อว่าเด็กต่อหน้าผู้อื่น   ส่วนลิมบิคและสมองส่วนแกน เพื่อควบคุมอำรมณ์ไม่ให้ตอบสนองต่อพฤติกรรมของ                   ช่วยให้เด็กเรียนรู้พฤติกรรมที่เหมาะสมตามธรรมชาติการเรียนรู้ของเด็ก
          ลงโทษและตี                 เด็กแบบอัตโนมัติ และสำมำรถระบุพฤติกรรมเป้ำหมำยที่ต้องกำรจะสอนก่อน แล้ว                          ตำมธรรมชำติกำรเรียนรู้ของเด็ก เด็กจะเรียนรู้ได้เร็วจำกกำรสังเกต ซึมซับ
          Thanasetkornetal., 2015
                                     จึงเลือกวิธีกำรสอนและฝึกฝนให้บรรลุตำมเป้ำหมำย                                                 เลียนแบบพฤติกรรมรอบข้ำง จำกกำรลงมือท�ำและฝึกฝน ดังนั้นพ่อแม่และครู
                                       และเช่นเดียวกัน กำรตอบสนองต่อพฤติกรรมของเด็กแบบอัตโนมัติที่ท�ำให้เด็ก                       ปฐมวัยที่ใช้กำรสร้ำงวินัยเชิงบวก จึงเป็นแบบอย่ำงที่ดีให้เด็กๆ ได้สังเกต ซึมซับ

                                     รู้สึกไม่ปลอดภัยก็จะเป็นกำรกระตุ้นให้สมองส่วนลิมบิคและสมองแกนของเด็กไป                        และเลียนแบบพฤติกรรมกำรปฏิบัติตนต่อผู้อื่นด้วยกำรให้เกียรติและเคำรพ
                                     ควบคุมระบบกำรท�ำงำนของสมองทั้งหมด โดยไม่ผ่ำนกระบวนกำรท�ำงำนของทักษะ                           ในสิทธิของผู้อื่น

                                     สมอง EF พฤติกรรมของเด็กที่แสดงออกมำจึงไม่สมเหตุสมผล ดังนั้นกำรส่งเสริม                          นอกจำกนี้กำรสร้ำงวินัยเชิงบวกยังเน้นกำรมุ่งเป้ำไปที่พฤติกรรมเป้ำหมำย
                                     ทักษะสมอง EF ของเด็กปฐมวัย จึงจ�ำเป็นต้องใช้ทักษะสมอง EF ของผู้เลี้ยงดู                       ดังนั้นพ่อแม่และครูปฐมวัยที่ใช้กำรสร้ำงวินัยเชิงบวก จะให้โอกำสเด็กเล็กได้ลงมือ

          เด็กเล็กที่ได้รับการเลี้ยงดูด้วย   ในกำรส่งเสริม                                                                         ท�ำพฤติกรรมที่คำดหวัง และฝึกปฏิบัติจนติดตัวเป็นนิสัยและวินัยในตนเอง ในทำง
          การสร้างวินัยเชิงบวก จะมีความ                                                                                            ตรงข้ำม กำรสอนที่กระตุ้นสมองลิมบิกให้ควบคุมกำรท�ำงำนของสมอง คือ กำรสอน
          สัมพันธ์ที่ดีกับผู้เลี้ยงดู ไม่ว่าจะเป็น    เป็นเครื่องมือปลูกฝังความผูกพันแบบปลอดภัย ซึ่งเป็นรากฐานของ                  ที่ท�ำให้เด็กรู้สึกไม่ปลอดภัย ซึ่งเป็นกำรตัดโอกำสในกำรฝึกฝนทักษะสมอง EF
          พ่อแม่และครูปฐมวัย และมีทักษะ
          สมอง EFดีกว่าเด็กเล็กกลุ่มที่ได้รับ  คุณภาพ EF                                                                           ของเด็กปฐมวัย นอกจำกนี้กำรสอนที่เป็นนำมธรรม และกำรใช้ค�ำพูดที่ท�ำให้สมอง
          การเลี้ยงดูด้วยการใช้ความรุนแรง    กำรสร้ำงวินัยเชิงบวก เป็นกำรวำงรำกฐำนควำมสัมพันธ์แบบไว้ใจและกำรเคำรพ                  ต้องท�ำงำนซับซ้อน ก็เป็นกำรสอนที่ไม่สอดคล้องกับพัฒนำกำรทักษะสมอง EF
          ทางวาจา จิตใจ และร่างกาย และ
          การลงโทษ                   ให้เกียรติซึ่งกันและกันระหว่ำงผู้เลี้ยงดูและเด็กเล็กอย่ำงต่อเนื่องจนพัฒนำเป็นควำม             ของเด็กปฐมวัยเช่นเดียวกันซึ่งจะท�ำให้เด็กเกิดควำมคับข้องใจ ไม่เข้ำใจ และไม่ลงมือ
          (Thanasetkorn, 2009a;      ผูกพันแบบปลอดภัย และถูกเก็บเป็นควำมจ�ำระยะยำว ควำมผูกพันแบบปลอดภัย                            ท�ำอีกด้วย
          Thanasetkorn, 2009b)
                                     ที่ฝังอยู่ในควำมทรงจ�ำระยะยำว จะท�ำหน้ำที่เป็น “ประสบกำรณ์” ให้ทักษะสมอง                        ตัวอย่ำงเช่น ค�ำว่ำ “ห้ำม”“ไม่”“อย่ำ” และ“หยุด” เป็นค�ำพูดที่สมอง

                                     EF ดึงมำใช้ในกำรเชื่อมโยงกับสถำนกำรณ์ปัจจุบัน เพื่อท�ำงำนให้บรรลุเป้ำหมำย                     ต้องท�ำกำรประมวลผล 2 ครั้ง เพรำะสมองไม่สำมำรถสร้ำง “ภำพปฏิเสธ” ขึ้นมำ
                                     อย่ำงมีคุณภำพและสร้ำงสรรค์ได้                                                                 ในสมองก่อนได้ เมื่อเรำบอกว่ำ “ไม่วิ่ง” เด็กๆ จะต้องสร้ำงภำพ “วิ่ง” ขึ้นมำ






            144                                                                                                                                                                                                                  145
   139   140   141   142   143   144   145   146   147   148   149