Page 162 - คู่มือ Executive Functions สำหรับครูปฐมวัย
P. 162

2. ใจกว้าง และมีทัศนะเชิงบวก (Positive Mind)                                                   •  ทักษะการสื่อสารเชิงบวก : ครูที่มีกำรสื่อสำรทำงบวกจะมีอิทธิพลต่อเด็ก

                                       ครูต้องมีควำมเชื่อมั่นในเด็ก เชื่อว่ำเด็กทุกคนมีศักยภำพ เปลี่ยนแปลง และพัฒนำ                อย่ำงมำก ทั้งในเรื่องทัศนคติกำรเรียนรู้ กำรเห็นคุณค่ำในตัวเอง มีก�ำลังใจที่จะคิด

                                     ได้ ครูต้องมีควำมเชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อว่ำครูสำมำรถส่งเสริมทักษะสมอง EF ให้เด็ก              และลงมือท�ำ หำกครูใช้ค�ำพูดที่เป็นกำรสื่อสำรทำงบวก เช่น “หนูคงก�ำลังใช้ควำม

                                     เกิดกำรเปลี่ยนแปลงและพัฒนำได้                                                                 พยำยำมอย่ำงมำกเลย” เด็กจะมีก�ำลังใจที่จะเผชิญกับปัญหำและพยำยำมต่อไป “ครู
                                       เมื่อครูมีควำมเชื่อที่ถูกต้องแล้ว ครูจะเป็นคนที่เปิดกว้ำง ยอมรับควำมเป็นจริง                เห็นว่ำหนูแบ่งไม้ไอศกรีมของหนูให้เพื่อนใช้ด้วย หนูเป็นเด็กมีน�้ำใจ” เด็กจะมีควำม
                                     ของเด็ก เปิดรับควำมคิดเห็น และมีควำมหวังเสมอ ครูที่มีทัศนะเชิงบวกจะมองเห็น                    รู้สึกที่ดีต่อตนเองและคงท�ำพฤติกรรมที่ดีนั้นต่อไป

                                     ควำมก้ำวหน้ำของเด็กแม้จะเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย และไม่ละเลยที่จะสะท้อนให้เด็ก                   •  ทักษะการกระตุ้นให้เด็กคิด : ครูที่มีทักษะกำรกระตุ้นให้เด็กคิด มักจะใช้ค�ำถำม

                 Positive Mind       ได้เห็นควำมก้ำวหน้ำของตัวเอง ก่อให้เกิดแรงจูงใจที่จะพัฒนำตนเองอย่ำงต่อเนื่อง                  ปลำยเปิดอยู่เสมอ เพื่อกระตุ้นให้คิดอย่ำงหลำกหลำย และรับฟังควำมคิดเห็น
                                     ครูที่เปิดกว้ำงจะยอมรับได้ว่ำเด็กเล็กยังไม่สำมำรถอธิบำยอำรมณ์ควำมรู้สึกของ                    ของเด็ก จัดกิจกรรมที่ให้เด็กได้สังเกต ส�ำรวจ แล้วเกิดค�ำถำมที่ต้องกำรค�ำตอบ
                                     ตัวเองได้ดี และมีควำมหวังว่ำเรำจะมีวิธีกำรที่ดีที่จะช่วยส่งเสริมให้เด็กเข้ำใจอำรมณ์           บำงกิจกรรมก็มีกำรสร้ำงเงื่อนไขเพื่อให้เด็กต้องเผชิญกับปัญหำ เช่น “กรรไกรมี

                                     ของตัวเอง และสำมำรถสื่อสำรควำมรู้สึกของตัวเองให้ดีขึ้นได้                                     3 อันเท่ำนั้น หนูมีกัน 5 คน ต้องแบ่งกันใช้นะคะ” กำรจัดวัสดุอุปกรณ์ที่หลำกหลำย

                                       เมื่อเรำแปล “ควำมหวัง” สู่กำรก�ำหนดเป้ำหมำย จะช่วยให้ควำมหวังของเรำ                         ท�ำให้เด็กต้องตัดสินใจเลือก กำรให้เด็กได้ท�ำกิจกรรมที่มีลักษณะสร้ำงสรรค์ ซึ่งไม่มี
                                     มีควำมชัดเจน เพื่อน�ำมำสู่กำรก�ำหนดแนวทำงกำรปฏิบัติที่สำมำรถประเมิน                           ถูกหรือผิด เช่น งำนศิลปะสร้ำงสรรค์ ดนตรีและกำรเคลื่อนไหว กำรประดิษฐ์
                                     ควำมส�ำเร็จได้                                                                                ผลงำน เป็นต้น


                                                                                                                                   •  ทักษะการสร้างแรงจูงใจ : ครูต้องสร้ำงควำมกระตือรือร้นให้ตัวเองอยู่เสมอ
                                     3. มีความเชี่ยวชาญในทักษะที่หลากหลาย (Multi-skilled)                                          เพรำะควำมกระตือรือร้นของครูจะส่งผ่ำนไปเป็นแรงจูงใจให้เด็กๆ อยำกเรียนรู้


                                     •  ทักษะการสังเกตที่ละเอียดลออ : ครูที่มีทักษะกำรสังเกตที่ละเอียดลออ จะ                       จะท�ำให้บทเรียนของครูสนุกเร้ำใจ ครูที่มีทักษะกำรสร้ำงแรงจูงใจ มักจะตั้งเป้ำหมำย
                                     มองเห็นสิ่งที่เด็กสื่อสำรด้วยภำษำกำยได้เป็นอย่ำงดี เช่น ท่ำทำง สำยตำ น�้ำเสียง                ที่ท้ำทำย และถ้ำเป็นเป้ำหมำยใหญ่ให้แตกเป็นเป้ำหมำยย่อย เพรำะเมื่อเด็ก

                                     ท�ำให้สำมำรถรับรู้และเท่ำทันอำรมณ์ของเด็ก ครูที่ช่ำงสังเกตจะไวต่อกำรรับรู้                    ท�ำเป้ำหมำยย่อยส�ำเร็จก็เป็นแรงจูงใจภำยในที่จะไปสู่เป้ำหมำยต่อไปได้โดยง่ำย
                  Multi-skilled
                                     บรรยำกำศในกำรเรียนกำรสอน และพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนได้อย่ำงทันท่วงที                            กำรให้เด็กได้ตั้งสมมติฐำน หรือคำดเดำผลด้วยตัวเอง เป็นแรงจูงใจให้ลงมือท�ำ

                                     สำมำรถสังเกตเห็นควำมกระตือรือร้นหรือควำมอ่อนล้ำในกำรเรียนของเด็ก                              หรือเรียนรู้เพื่อให้รู้ว่ำค�ำตอบจะตรงกับที่คำดเดำไว้หรือไม่ นอกจำกนี้นิทำน ละคร
                                     มองเห็นวิธีเรียนรู้และควำมก้ำวหน้ำของเด็กเป็นรำยบุคคล หรือเมื่อท�ำงำนร่วมกัน                  ก็จะช่วยสร้ำงแรงจูงใจให้กับเด็กได้อย่ำงดี โดยเฉพำะในเรื่องของลักษณะนิสัย

                                     เป็นกลุ่ม  ครูที่ช่ำงสังเกตจะสำมำรถหำจังหวะที่เหมำะสมที่จะเข้ำไป ถอยออกมำ                     คุณธรรม จริยธรรม
                                     หรือเพียงเฝ้ำดูอยู่ใกล้ๆ เพื่อให้เกิดผลตำมวัตถุประสงค์














            162                                                                                                                                                                                                                  163
   157   158   159   160   161   162   163   164   165   166   167