Page 164 - คู่มือ Executive Functions สำหรับครูปฐมวัย
P. 164

•  ทักษะการประเมิน : ครูที่มีทักษะกำรประเมิน จะต้องมีควำมรู้ด้ำนพัฒนำกำร                      5. ท�างานเป็นทีม (Team Work)

                                     และกำรเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย มีควำมสำมำรถในกำรจับประเด็นที่น่ำสนใจหรือ
                                     สอดคล้องกับเป้ำหมำย มีทักษะกำรสังเกต กำรจดบันทึกพฤติกรรมและปัจจัยส�ำคัญ                         กำรท�ำงำนเป็นทีมประกอบด้วยผู้ที่มีควำมเกี่ยวข้องกับเด็ก ได้แก่ ครู พ่อแม่

                                     ที่ส่งผลต่อพฤติกรรมของเด็ก มีควำมสำมำรถในกำรสื่อสำรผลกำรประเมินให้                            ผู้ปกครอง เพื่อนครู ผู้บริหำร บุคลำกรในโรงเรียน ตลอดจนเครือข่ำยที่มีจุดมุ่งหมำย
                                     กับผู้เกี่ยวข้องได้อย่ำงดี สำมำรถช่วยให้เด็กได้เรียนรู้และมีทัศนคติที่ดีต่อกำร                เดียวกัน กำรท�ำงำนเป็นทีมจะช่วยให้เกิดกระบวนกำรแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถ่ำยเท  Team Work

                                     ประเมินตนเอง และน�ำมำปรับปรุงหรือพัฒนำผลงำนและกำรกระท�ำของตน                                  ข้อมูลอันจะเป็นประโยชน์ต่อกำรพัฒนำเรื่องทักษะสมอง EF ในเด็กต่อไป อีกทั้ง
                                                                                                                                   กำรท�ำงำนเป็นทีมยังก่อให้เกิดพลังร่วมกันที่จะเกื้อหนุนให้กำรท�ำงำน มีควำม
                                     •  ทักษะการคาดเดาผลล่วงหน้า : ครูที่มีทักษะกำรคำดเดำผลล่วงหน้ำ จะต้อง                         สนุกสนำนและเกิดแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์
                                     เป็นคนที่ช่ำงสังเกต คิดได้ฉับไว จินตนำกำรได้ชัดว่ำกระบวนกำรเรียนกำรสอนหรือ                      ในยุคเทคโนโลยีข่ำวสำร (IT) มีส่วนช่วยให้เกิดกำรถ่ำยเทข้อมูลได้อย่ำงรวดเร็ว

                                     กิจกรรมจะด�ำเนินไปอย่ำงไร ควำมคำดหวังและสิ่งที่จะเกิดขึ้นในแต่ละขั้นตอน                       และกว้ำงขวำงยิ่งขึ้น สำมำรถเข้ำถึงข้อมูลต่ำงๆ ได้โดยง่ำย และยังสำมำรถ

                                     คืออะไร ถ้ำมีสถำนกำรณ์ที่ไม่ได้คำดคิด น่ำจะเกิดอะไรได้บ้ำง เพื่อตั้งรับหรือ                   แลกเปลี่ยนประสบกำรณ์ได้กับกลุ่มควำมสนใจเดียวกัน
                                     ต่อยอดต่อไปได้อย่ำงเหมำะสม

                                                                                                                                   6. เป็นที่รักและไว้ใจของเด็ก (To be loved  & Trust)
                                     4. มีวินัยในตนเอง (Self- Discipline)
                                                                                                                                     เมื่อครูมีควำมผูกพันที่ดี เป็นที่รักและไว้ใจของเด็ก จะท�ำให้เด็กมีควำมรู้สึกมั่นคง
                                       เรื่องของกำรพัฒนำทักษะสมอง EF อำจจะเป็นเรื่องใหม่ส�ำหรับครู และครูก็จะ                      ปลอดภัย พร้อมที่จะเรียนรู้ และก้ำวสู่สังคมที่กว้ำงขึ้น กำรแสดงออกถึงควำมรัก

                                     ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมและบทบำทของตนในบำงด้ำน เช่น เปลี่ยนจำกที่ครูริเริ่ม                        ไม่เพียงแต่กำรบอกรัก โอบกอด แต่ยังรวมถึงกำรพร้อมรับฟัง และรับรู้ควำมรู้สึก    To be loved
                                     เป็นเด็กริเริ่ม เปลี่ยนจำกผู้สอนเป็นผู้ร่วมเรียนรู้ เปลี่ยนจำกผู้พูดเป็นผู้ฟัง ฯลฯ            ของเด็กทั้งควำมรู้สึกทำงบวกและทำงลบ กำรให้โอกำสเด็กได้คิด เลือกและ              & Trust

                Self-Discipline      เพื่อสร้ำงโอกำสให้เด็กได้พัฒนำทักษะสมอง EF ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น                                 ตัดสินใจ สนับสนุนให้เด็กได้รู้สึกภูมิใจกับควำมส�ำเร็จ ให้ก�ำลังใจเมื่อเด็กรู้สึกท้อ
                                       เป็นที่ทรำบกันดีว่ำกำรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมควำมเคยชิน เป็นสิ่งที่ท�ำไม่ได้                    เสียใจ เศร้ำ ท�ำให้เด็กรู้สึกว่ำได้รับกำรยอมรับ ให้อภัย และให้โอกำสที่จะปรับปรุง

                                     โดยง่ำย ต้องอำศัยกำรตระหนักถึงคุณค่ำของสิ่งที่จะเกิดขึ้น มีเป้ำหมำยกำร                        เมื่อท�ำผิดพลำด รวมทั้งยินดีและชื่นชมเมื่อเด็กมีพฤติกรรมที่เหมำะสม
                                     เปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน มีวิธีกำรปฏิบัติ และมีวินัยที่ก�ำกับให้ตนเองจดจ่อกับกำร

                                     กระท�ำที่จะน�ำไปสู่เป้ำหมำย เรียกว่ำเกำะติดกับเป้ำหมำย และหมั่นประเมินตนเอง                   7. วางแผนและจัดการงานเป็น (Planning & Organization)
                                     เพื่อให้เห็นควำมก้ำวหน้ำ เกิดแรงจูงใจภำยในที่จะช่วยให้กำรก�ำกับวินัยในตนเอง

                                     มีประสิทธิภำพยิ่งขึ้น                                                                           มีกำรท�ำงำนอย่ำงเป็นระบบ ในลักษณะวิจัยและพัฒนำ (Research and
                                                                                                                                   Development) คือ มีกำรก�ำหนดเป้ำหมำย วำงแผน มีกระบวนกำรท�ำงำน           Planning &

                                                                                                                                   และประเมินผล สำมำรถสะท้อนผลกำรเรียนรู้ของเด็กและของครู ประเมินตนเอง     Organization
                                                                                                                                   ว่ำแนวทำงที่ปฏิบัตินั้นถูกต้องเหมำะสมหรือไม่ อย่ำงไร เพื่อน�ำสู่กำรพัฒนำตน

                                                                                                                                   พัฒนำงำน








            164                                                                                                                                                                                                                  165
   159   160   161   162   163   164   165   166   167   168   169