Page 166 - คู่มือ Executive Functions สำหรับครูปฐมวัย
P. 166

บทบาทของพ่อแม่เพื่อสนับสนุนการพัฒนาทักษะสมอง                                                  หรือลงมือท�ำสิ่งต่ำงๆ ไปด้วยกัน เช่น สนุกกับกำรท�ำอำหำร เตรียมจัดงำน
                                     EF ของเด็ก                                                                                    วันเกิดให้คุณยำย จะช่วยให้เรำเข้ำใจลูกได้ดีขึ้น ได้เห็นวิธีคิด วิธีกำรท�ำงำน

                                               คุณครูควรส่งเสริมให้พ่อแม่มีควำมตระหนักถึงควำมส�ำคัญยิ่งของตนในกำร                  กำรตัดสินใจเลือกและยังได้สนุกสนำน ได้เผชิญอุปสรรคไปพร้อมๆ กัน ลูกๆ

                                     พัฒนำทักษะสมอง EF บทบำทของพ่อแม่ควรจะเป็นดังนี้                                               จะรู้สึกว่ำพ่อแม่ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน


                                     1. มีความสนใจ ใฝ่รู้                                                                          4. ฝึกวินัยเชิงบวก


                                       พ่อแม่ควรหำควำมรู้ควำมเข้ำใจที่เกี่ยวข้องกับกำรส่งเสริมกำรพัฒนำทักษะ                          กำรฝึกวินัยเชิงบวก หมำยถึง กำรฝึกฝนให้ลูกมีพฤติกรรมที่เหมำะสม โดย

                                     สมอง EF และควำมรู้อื่นที่เกี่ยวข้องกับกำรส่งเสริมพัฒนำกำรและทักษะที่จ�ำเป็น                   เกิดจำกกำรก�ำกับตัวเองได้ ภำยใต้บรรยำกำศที่ดีในกำรฝึกฝน ลูกจะรู้สึกถึง
                                     ส�ำหรับลูกจำกหลำกหลำยแหล่งที่เชื่อถือได้ กำรแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับเพื่อน                   ควำมก้ำวหน้ำที่เพิ่มขึ้น ภูมิใจที่สำมำรถก�ำกับตัวเองได้ ได้เรียนรู้วิธีกำรที่จะวิเครำะห์
                                     ผู้ปกครองร่วมไปกับครูของลูก ค้นคว้ำข้อมูลจำกหนังสือหรือ Website แล้วน�ำ                       พฤติกรรมของตนว่ำมีผลต่อตนเองหรือผู้อื่นอย่ำงไร และเรียนรู้วิธีที่จะพัฒนำตนเอง

                                     ควำมรู้มำวิเครำะห์และปรับให้เหมำะสมกับวิถีชีวิตของพ่อแม่และลูก                                  เมื่อลูกใช้วินัยก�ำกับตัวเองไปเป็นระยะเวลำนำนก็จะเกิดเป็นพฤติกรรม
                                                                                                                                   ควำมเคยชิน และค่อยๆ กลำยเป็นลักษณะนิสัยที่ดี และลงลึกถึงกำรมีจิตส�ำนึก

                                     2. สร้างความผูกพันที่ดี                                                                       ที่ดีในที่สุด เช่น กำรฝึกให้ลูกเก็บของเล่นของใช้เข้ำที่ทุกครั้ง ลูกจะเติบโตเป็นคน
                                                                                                                                   ที่มีควำมรับผิดชอบต่อกำรกระท�ำของตน เป็นคนมีระเบียบ มีส�ำนึกต่อกำรรักษำ
                                       ควำมรักควำมผูกพันในครอบครัว ระหว่ำงพ่อแม่กับลูก ระหว่ำงพ่อกับแม่

                                     และสมำชิกในครอบครัว บนพื้นฐำนของควำมรัก ให้เกียรติ ให้อภัย และยอมรับ                          สิ่งแวดล้อม เป็นต้น
                                     ในควำมแตกต่ำง ควำมผูกพันที่ดีในครอบครัวจะเป็นรำกฐำนที่ส�ำคัญของควำม                             เมื่อกำรฝึกวินัยเชิงบวกเป็นกำรฝึกกำรก�ำกับตัวเองของลูก จึงหลีกเลี่ยงกำรฝึก

                                     มั่นคงทำงจิตใจ เห็นคุณค่ำของตนเอง ท�ำให้มีควำมพร้อมที่จะเปิดโลกกำรเรียนรู้                    ด้วยวิธีกำรลงโทษ เพรำะเป็นกำรควบคุมโดยใช้อ�ำนำจจำกภำยนอกที่จะหยุดพฤติกรรม
                                     มีควำมกระตือรือร้น มีชีวิตชีวำ มีจิตใจที่เข้มแข็ง กล้ำเผชิญกับปัญหำและอุปสรรค                 ที่ไม่เหมำะสมเพียงชั่วครั้งชั่วครำว หรือเมื่ออยู่ต่อหน้ำผู้ใหญ่เด็กหยุดท�ำพฤติกรรม

                                     เช่นเดียวกัน ควำมผูกพันที่ดีก็จะมีผลต่อกำรพัฒนำทักษะสมอง EF เพรำะสมองจะ                       ได้แต่จะมีควำมรู้สึกทำงลบ เช่น ควำมเครียด กดดัน กลัว โกรธ นั่นย่อมกล่ำวได้ว่ำ
                                     เปิดรับกำรเรียนรู้และท�ำงำนได้ดีในสภำวะที่คนเรำรู้สึกมั่นคง ปลอดภัย                           กำรฝึกด้วยกำรลงโทษไม่อำจสร้ำงวินัยในตนเองให้เกิดขึ้นกับเด็กได้นั่นเอง
                                                                                                                                     กำรสร้ำงวินัยเชิงบวกที่ช่วยส่งเสริมพัฒนำกำรทักษะสมอง EF ของเด็กได้

                                     3. เรียนรู้ที่จะรู้จักลูก                                                                     อย่ำงมีประสิทธิภำพ จะต้องมีองค์ประกอบ 5 T (Thanasetkorn, 2009) ได้แก่
                                                                                                                                     •  T-Target behavior (ก�ำหนดเป้ำหมำยพฤติกรรมที่ต้องกำรฝึก)
                                       กำรพัฒนำลูกให้มีทักษะสมอง EF ที่ดี และกำรส่งเสริมพัฒนำกำรทุกด้ำน                              •  T-Teach (สอนว่ำจะต้องท�ำอย่ำงไร)

                                     ของลูกนั้น ไม่ใช่เพียงกำรน�ำควำมรู้และกระบวนกำรต่ำงๆ มำใช้ทันที แต่พ่อแม่ต้อง                   •  T-Train (ฝึกฝนให้ท�ำจนเกิดควำมคล่องแคล่ว)

                                     ให้ควำมส�ำคัญกับกำรเรียนรู้ “ลูก” ให้รู้จักที่จะเข้ำใจและยอมรับควำมเป็นตัวตน                    •  T-Time (ให้เวลำในกำรฝึกและค่อยๆ พัฒนำเป็นจิตส�ำนึกที่ดี)
                                     ของลูก ควำมสำมำรถ ควำมถนัด จุดแข็งจุดอ่อนของลูก ไม่เอำลูกมำเปรียบเทียบ                          •  T-Trust (กำรฝึกฝนอยู่ภำยใต้ควำมรู้สึก “เชื่อใจกัน” ของพ่อแม่และลูก)
                                     กัน หรือเปรียบเทียบกับเด็กอื่น กำรเรียนรู้ไปพร้อมๆ กับลูกด้วยกำรท�ำกิจกรรม                        (ดูรำยละเอียดเพิ่มเติมในบทที่ 7)






            166                                                                                                                                                                                                                  167
   161   162   163   164   165   166   167   168   169   170   171