Page 175 - Executive Functions ในเด็กวัย 7-12 ปี
P. 175

แนวคิดและทฤษฎีพื้นฐานเกี่ยวกับรอยเชื่อมต่อ

 ระหว่างชั้นเรียนอนุบาลและประถมศึกษา




 ช่วงรอยต่อแห่งการเรียนรู้

 (zone of proximal development) ของ Lev Vygotsky


               เรียกว่าการเสริมต่อการเรียนรู้ (scaffolding) โดยมากมักจะปรากฏอยู่ในช่วงรอยต่อ

               แห่งการเรียนรู้หรือ the zone of proximal development (ZPD) ซึ่งหมายถึง
 ช่วงรอยต่อแห่งการเรียนรู้  บริเวณพื้นที่ที่แสดงว่าเด็กยังไม่มีความรู้หรือยังขาดทักษะในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอยู่
               ถ้าหากเด็กได้รับการเสริมต่อการเรียนรู้ เช่น การช่วยเหลือสนับสนุนหรือให้ค�าชี้แนะ
 (zone of proximal development)
               จากผู้ใหญ่หรือผู้ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมากกว่า เด็กจะเกิดเรียนรู้

               และเกิดทักษะนั้นๆ ได้


                 ในภาพจะเห็นว่าพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นสีเข้มนั้นเป็นบริเวณพื้นที่ที่อยู่ระหว่าง

 เด็กยังไม่สามารถ   เด็กเรียนรู้และปรับตัวได้ส�าเร็จ   เด็กเรียนรู้และปรับตัว  สิ่งที่เด็กยังไม่รู้หรือยังท�าไม่ได้กับสิ่งที่เด็กรู้หรือท�าได้แล้ว บริเวณส่วนที่เป็นรอยต่อ
 ปรับตัวในช่วง  หากได้รับการเสริมต่อการเรียนรู้   ได้ในช่วงรอยเชื่อมต่อ  แห่งการเรียนรู้จึงเป็นพื้นที่ที่สะท้อนให้เห็นว่าเด็กนั้นมีศักยภาพในการเรียนรู้หรือ
 รอยเชื่อมต่อได้  (scaffolding) จากครูและ  ในการกระท�าสิ่งใดสิ่งหนึ่งหากได้รับการส่งเสริมช่วยเหลือและสนับสนุนจากผู้ใหญ่
 พ่อแม่ผู้ปกครอง
               หรือบุคคลที่มีความช�านาญมากกว่า



 การเรียนรู้และการปรับตัวของเด็กในช่วงรอยเชื่อมต่อระหว่างชั้นเรียนอนุบาลและประถมศึกษา    แนวคิดของ Vygotsky สอดคล้องกับประเด็นเรื่องรอยเชื่อมต่อระหว่างชั้นเรียน
               อนุบาลและประถม นั่นคือในรอยเชื่อมต่อระหว่างชั้นเรียนอนุบาลและประถม เป็น
               ช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างมากมาย เด็กที่ก้าวเข้าสู่รอยเชื่อมต่อนี้จ�าเป็น
               ต้องเรียนรู้และปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นด้วยวุฒิภาวะที่จ�ากัด

               ขณะที่ประสบการณ์เดิมยังไม่มากพอ เป็นผลท�าให้เด็กต้องประสบความยากล�าบาก
   Lev Vygotsky (1978) นักจิตวิทยา ได้อธิบายว่าเด็กมีการเรียนรู้ผ่านการมี  และอาจต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้เข้ากับรอยเชื่อมต่อดังกล่าวให้ได้ ดังนั้นหากครู

 ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและบริบททางวัฒนธรรม เขามองว่าการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่าง  และพ่อแม่ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมในการเสริมต่อการเรียนรู้ด้วยการให้ความ
 บุคคลและสังคมโดยรอบเป็นเครื่องมือส�าคัญในการเรียนรู้ของเด็ก นอกจากการ   ช่วยเหลือและสนับสนุนเด็กในช่วงดังกล่าว จะท�าให้เด็กสามารถปรับตัวและก้าวผ่าน
 เรียนรู้ผ่านการมีปฏิสัมพันธ์แล้ว การเรียนรู้ยังเกิดขึ้นได้โดยผ่านกระบวนการที่   ไปได้











 174                                                                                                         175
   170   171   172   173   174   175   176   177   178   179   180