สอบถามการใช้งานระบบ?

(02)913 - 7555 กด 4104

ฝ่ายบริการสมาชิกเว็บไซต์

เทคนิคการฝึกความจำใช้งาน

เทคนิคการฝึกความจำใช้งาน

ในบทความครั้งก่อน หมอได้พูดถึงเทคนิคที่ช่วยในการส่งเสริมทักษะสมอง EF ให้กับเด็กๆ ของเราในสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งก็ได้เน้นเกี่ยวกับการนำสถานการณ์ที่เด็กๆ ต้องได้พบเจอในหนึ่งวัน สิ่งของหรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเด็กมาใช้ในการฝึกกระตุ้นทักษะสมอง EF ในภาพรวม อย่างไรก็ดี ตัวทักษะสมอง EF เองยังมีองค์ประกอบพื้นฐาน อันจัดเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาทักษะสมอง EF ไปสู่กระบวนการขั้นสูงที่เกี่ยวข้องกับการวางแผน การควบคุมตนเอง และการลงมือปฏิบัติ โดยองค์ประกอบพื้นฐานของทักษะสมอง EF เหล่านี้จะประกอบไปด้วย (1) ความจำใช้งาน (2) ความยับยั้งชั่งใจ และ (3) ความยืดหยุ่นในกระบวนการคิด

ในส่วนของความจำใช้งาน (Working Memory) ซึ่งหมายถึงความสามารถของสมองในการเก็บสิ่งที่ได้เห็น สิ่งที่ได้ยิน เอาไว้ชั่วคราว เพื่อนำไปสู่การเก็บเป็นความจำระยะยาว หรือละทิ้งไปเมื่อใช้งานเสร็จ จึงเหมือนกับพื้นที่ของสมองในการเก็บข้อมูลในระยะสั้นเพื่อนำไปจัดการต่อในขั้นต่อไปนั่นเอง หรือเปรียบเสมือนกับพื้นที่บนกระดานดำในห้องเรียนที่มีเนื้อที่จำกัด พอคุณครูจะเขียนอะไรใหม่ก็จะต้องลบข้อความเก่าเสมอ หลักการทำงานของความจำใช้งานก็เป็นแบบนั้นเลยครับ คือข้อมูลใหม่ที่เข้ามาจะมาแทนที่ข้อมูลเก่า แต่ถ้าเราจำตอนสมัยเรียนหนังสือกันได้ ข้อมูลบางอย่างที่สำคัญก็จะยังคงอยู่บนกระดานดำจนถึงตอนเย็นๆ เช่น คำศัพท์ประจำวัน วันที่ การบ้าน ฯลฯ นั่นหมายความว่า หากมีข้อมูลบางอย่างที่สำคัญ ก็อาจจะเก็บไว้ได้นานขึ้นอีกหน่อย ความจำใช้งานในเรื่องที่สำคัญมากๆ จึงอาจจะอยู่ได้นานขึ้นถ้าเราต้องคิดเรื่องนั้นๆ อยู่ตลอด แต่ทุกอย่างจะถูกเก็บหรือถูกลบเมื่อเราเข้าสู่การนอน เปรียบเสมือนพอหมดวัน เราก็ต้องลบทุกสิ่งที่เขียนบนกระดานดำทั้งหมดนั่นเอง หรือถ้าจะเก็บก็ต้องจดลงสมุด นั่นคือมีการเปลี่ยนรูปแบบจากความจำใช้งานไปสู่ความจำแบบอื่นๆ ต่อไป โดยความจำใช้งานจะมีการพัฒนาตั้งแต่ช่วงวัยทารกขวบปีแรก และมีความสัมพันธ์อย่างมากกับการเจริญเติบโตของสมองส่วนหน้า ซึ่งเป็นตำแหน่งสมองที่เกี่ยวข้องกับทักษะสมอง EF แถมยังเชื่อมโยงไปถึงกระบวนการทางสติปัญญาอีกหลายกระบวนการ ไม่ว่าจะเป็น สมาธิจดจ่อ หรือการเรียนรู้ เพียงแต่การฝึกความจำใช้งานนั้นมักจะมีการกล่าวถึงไม่มากนัก ในบทความวันนี้หมอจะมาพูดถึงวิธีการต่างๆ ในการฝึกความจำใช้งานกันนะครับ

“จำก่อนจด” ในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ที่อยู่รอบตัว ทำให้คนเรามักจะเลือกการจด (ลงในกระดาษหรือลงในอุปกรณ์ไอที) มากกว่าการจำ ซึ่งบางครั้งเรื่องง่ายๆ หรือเหตุการณ์ในชีวิตประจำวัน พวกเราก็ยังคงชินกับการใช้การจดเป็นหลัก ซึ่งการจดก็ดีในแง่ที่เราจะไม่ขาดตกบกพร่องในเรื่องที่เราจะทำ แต่ถ้าเรามาฝึกการจำให้กับตัวเราหรือกับลูกๆ ของพวกเราบ้าง ก็เป็นการช่วยกระตุ้นสมองในส่วนของความจำใช้งานให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น โดยตัวอย่างของกิจกรรมอาจจะเป็นการฝึกให้ลูกจำสิ่งของที่ให้ไปหยิบ จำสิ่งของที่จะไปซื้อในตลาด (แล้วคอยดูโน้ตว่าครบหรือไหม) หรือจำเบอร์โทรศัพท์ของคนในบ้าน (ซึ่งถ้าจำได้ ก็จะเป็นประโยชน์ในด้านความปลอดภัยเวลาผลัดหลงด้วย) เหล่านี้เป็นต้น

“สวดมนต์ก่อนนอน” การสอนให้ลูกๆ ได้ฝึกสวดมนต์ นอกจากจะช่วยในแง่ของการนอนหลับ และการฝึกสมาธิจดจ่อแล้ว ยังเป็นการช่วยกระตุ้นความจำใช้งาน เพราะเวลาที่คุณพ่อคุณแม่พูดบทสวดออกมา ลูกต้องจำและค่อยพูดตาม อันเป็นกระบวนการของความจำใช้งานที่เกิดขึ้นระหว่างการสวดมนต์ด้วย เพียงแต่ความยาวและความยากของบทสวด ควรจะต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับเด็กแต่ละช่วงวัยด้วยครับ

“ฝึกวางแผนและแก้ไขปัญหา” การฝึกวางแผนเป็นการกระตุ้นการทำงานของสมองส่วนหน้า อันเป็นตำแหน่งสมองที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางสติปัญญาหลายด้าน ทั้งในส่วนของความจำใช้งานและทักษะสมอง EF โดยเฉพาะด้านที่เกี่ยวข้องกับความยืดหยุ่นในกระบวนการคิด ดังนั้น การฝึกให้ลูกๆ ได้หัดวางแผนชีวิตประจำวันง่ายๆ รวมถึงการฝึกการแก้ไขปัญหากรณีที่แผนการที่ได้วางไว้ล่วงหน้าไม่เป็นตามที่คิด ก็จัดเป็นการช่วยฝึกสมองที่เกี่ยวข้องกับความจำใช้งานด้วยเช่นกันครับ

“โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ช่วยฟื้นฟูความจำใช้งาน” ในปัจจุบันได้มีความพยายามในการสร้างโปรแกรมในการฟื้นฟูความจำใช้งานในผู้ป่วยผู้ใหญ่ที่มีปัญหาทางระบบประสาท ซึ่งพบว่าได้ผลดีพอสมควร แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการฝึกดังกล่าวต้องใช้คอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่อง และในยุคนี้เป็นช่วงที่เด็กๆ ต้องใช้คอมพิวเตอร์ในการเรียนออนไลน์เป็นประจำอยู่แล้ว ประโยชน์ของการใช้โปรแกรมเหล่านี้ในเด็กจึงอาจจะยังไม่ชัดเจน เมื่อเปรียบเทียบกับผลเสียของการใช้อุปกรณ์ไอทีอย่างต่อเนื่อง

กล่าวโดยสรุป การฝึกความจำใช้งาน สามารถกระทำได้โดยการให้เด็กฝึกจำสิ่งของต่างๆ จดจำสิ่งที่ท่านพูด สวดมนต์ด้วยกัน ฝึกการใช้สมองส่วนหน้าผ่านการวางแผนและแก้ไขปัญหา โดยในอนาคตอาจจะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยในการฝึกความจำใช้งานได้บ้าง ซึ่งคงต้องติดตามกันต่อไป

รองศาสตราจารย์ ดร.นพ.วรสิทธิ์ ศิริพรพาณิชย์
กุมารแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาศักยภาพสมองเด็ก สถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล มหาวิทยาลัยมหิดล

Related Articles

นางกษมน มังคละคีรี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านกลางนาเดื่อ จ.สกลนคร

โรงเรียนบ้านกลางนาเดื่อเป็นโรงเรียนในโครงการโรงเรียนพัฒนาตนเอง (TSQP) ผอ.กษมน ได้รับการแนะนำให้รู้จักเรื่องEF จากอาจารย์วิเชียร ไชยบัง โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา แล้วศึกษาเพิ่มเติมทางอินเทอร์เน็ตและเข้าอบรมกับสถาบันRLG เมื่อเดือนเมษายน 2564 โดยให้ครูปฐมวัยในโรงเรียนเข้ารับการอบรมด้วย ซึ่งเป็นครูที่จบเอกปฐมวัยมาโดยตรง และมีความมุ่งมั่นที่จะนำความรู้สู่การปฏิบัติในชั้นเรียน เมื่อตระหนักถึงความสำคัญของ EF ตรงกัน ผอ.กษมนจึงให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่ ให้ครูปฐมวัยได้จัดการเรียนการสอนส่งเสริม EF โดยไม่ได้รอความเห็นชอบจากศน.เขตพื้นที่ฯ เพราะเห็นว่า EF เป็นความรู้ที่สอดคล้องกับหลักการศึกษาปฐมวัยอยู่แล้ว สามารถบูรณาการไปกับการส่งเสริมพัฒนาการ...

นางเปรมศิริ เนื้อเย็น ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองบ้วย ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองบ้วย  จ.เพชรบุรี

ผอ.เปรมศิริได้รับการแนะนำให้รู้จักเรื่อง EFจากศึกษานิเทศน์เขตพื้นที่การศึกษาเพชรบุรีเขต 2 และ ศน.เชิญชวนให้เข้ารับการอบรมความรู้ EF กับสถาบัน RLG แล้วนำความรู้ EF มาขยายสู่ครูปฐมวัยในโรงเรียนให้ครูได้ส่งเสริมEF เด็กผ่านโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย เนื่องจากมีความสอดคล้องกัน โดยบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยส่งเสริมให้เด็กได้คิดวิเคราะห์ เรียนรู้จากการลงมือทำ นอกจากนั้นยังวางแผนจะเชื่อมโยงความรู้ EF ไปสู่ครูในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองบ้วย เพื่อเป็นการปูพื้นฐาน EF ให้เด็กจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่จะมาเรียนต่ออนุบาล 3 ที่โรงเรียนบ้านหนองบ้วย ทำให้เด็กได้รับการพัฒนา...

นายทวิต ราษี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านป้อมประชานุกูล จ.สุโขทัย

ผอ.ทวิต ราษี มีประสบการณ์บริหารโรงเรียนขนาดเล็กที่มีระดับชั้นปฐมวัยมานานโดยมีความตั้งใจในการพัฒนาอนุบาลให้มีคุณภาพเพราะเป็นการสร้างรากฐานให้เด็กไปจนโต และมีความสนใจในเรื่องพัฒนาการเด็ก เมื่อเข้าร่วมอบรมเรื่อง EF จากสถาบัน RLG ก็ได้เข้าใจว่าพัฒนาการของเด็กนั้นเกิดจากการทำงานของสมอง และยังเห็นว่าเรื่อง EF มีความสอดคล้องกับโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อยที่โรงเรียนบ้านป้อมประชานุกูลดำเนินการอยู่ จึงสนใจที่จะขับเคลื่อนความรู้ EF ในโรงเรียน(ที่เพิ่งเข้ามาบริหาร) ผอ.ทวิตนำความรู้ EF มาถ่ายทอดแก่ครู ให้ครูนำความรู้ EF บูรณาการกับโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อยซึ่งเป็นการเรียนรู้แบบโครงงาน เพียงครูเปลี่ยนวิธีการ ไม่ใช่ครูสั่งให้เด็กทำ แต่ให้เด็กได้คิดได้ทำด้วยตัวเอง...

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here

Stay Connected

74,430แฟนคลับชอบ
- โครงการ “สื่อเพื่อฟื้นฟูการพัฒนาเด็กปฐมวัย ในวิถีชีวิตใหม่” -
- EF Development Tools -

Latest Articles

นางกษมน มังคละคีรี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านกลางนาเดื่อ จ.สกลนคร

โรงเรียนบ้านกลางนาเดื่อเป็นโรงเรียนในโครงการโรงเรียนพัฒนาตนเอง (TSQP) ผอ.กษมน ได้รับการแนะนำให้รู้จักเรื่องEF จากอาจารย์วิเชียร ไชยบัง โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา แล้วศึกษาเพิ่มเติมทางอินเทอร์เน็ตและเข้าอบรมกับสถาบันRLG เมื่อเดือนเมษายน 2564 โดยให้ครูปฐมวัยในโรงเรียนเข้ารับการอบรมด้วย ซึ่งเป็นครูที่จบเอกปฐมวัยมาโดยตรง และมีความมุ่งมั่นที่จะนำความรู้สู่การปฏิบัติในชั้นเรียน เมื่อตระหนักถึงความสำคัญของ EF ตรงกัน ผอ.กษมนจึงให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่ ให้ครูปฐมวัยได้จัดการเรียนการสอนส่งเสริม EF โดยไม่ได้รอความเห็นชอบจากศน.เขตพื้นที่ฯ เพราะเห็นว่า EF เป็นความรู้ที่สอดคล้องกับหลักการศึกษาปฐมวัยอยู่แล้ว สามารถบูรณาการไปกับการส่งเสริมพัฒนาการ...

นางเปรมศิริ เนื้อเย็น ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองบ้วย ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองบ้วย  จ.เพชรบุรี

ผอ.เปรมศิริได้รับการแนะนำให้รู้จักเรื่อง EFจากศึกษานิเทศน์เขตพื้นที่การศึกษาเพชรบุรีเขต 2 และ ศน.เชิญชวนให้เข้ารับการอบรมความรู้ EF กับสถาบัน RLG แล้วนำความรู้ EF มาขยายสู่ครูปฐมวัยในโรงเรียนให้ครูได้ส่งเสริมEF เด็กผ่านโครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย เนื่องจากมีความสอดคล้องกัน โดยบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อยส่งเสริมให้เด็กได้คิดวิเคราะห์ เรียนรู้จากการลงมือทำ นอกจากนั้นยังวางแผนจะเชื่อมโยงความรู้ EF ไปสู่ครูในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองบ้วย เพื่อเป็นการปูพื้นฐาน EF ให้เด็กจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่จะมาเรียนต่ออนุบาล 3 ที่โรงเรียนบ้านหนองบ้วย ทำให้เด็กได้รับการพัฒนา...

นายทวิต ราษี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านป้อมประชานุกูล จ.สุโขทัย

ผอ.ทวิต ราษี มีประสบการณ์บริหารโรงเรียนขนาดเล็กที่มีระดับชั้นปฐมวัยมานานโดยมีความตั้งใจในการพัฒนาอนุบาลให้มีคุณภาพเพราะเป็นการสร้างรากฐานให้เด็กไปจนโต และมีความสนใจในเรื่องพัฒนาการเด็ก เมื่อเข้าร่วมอบรมเรื่อง EF จากสถาบัน RLG ก็ได้เข้าใจว่าพัฒนาการของเด็กนั้นเกิดจากการทำงานของสมอง และยังเห็นว่าเรื่อง EF มีความสอดคล้องกับโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อยที่โรงเรียนบ้านป้อมประชานุกูลดำเนินการอยู่ จึงสนใจที่จะขับเคลื่อนความรู้ EF ในโรงเรียน(ที่เพิ่งเข้ามาบริหาร) ผอ.ทวิตนำความรู้ EF มาถ่ายทอดแก่ครู ให้ครูนำความรู้ EF บูรณาการกับโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อยซึ่งเป็นการเรียนรู้แบบโครงงาน เพียงครูเปลี่ยนวิธีการ ไม่ใช่ครูสั่งให้เด็กทำ แต่ให้เด็กได้คิดได้ทำด้วยตัวเอง...

นายสวัสดิ์ เมฆสุนทร  ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองโพธิ์ จ.นครราชสีมา 

ผอ.สวัสดิ์ได้รับการแนะนำจากอาจารย์วิเชียร ไชยบัง โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา ให้รู้จัก EF รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่อง EF ในการประชุมเครือข่ายโรงเรียนพัฒนาตนเอง(TSQP)อยู่เสมอ และเข้ารับการอบรมกับสถาบัน RLG เพิ่มเติม  แล้วเห็นว่า EF เป็นความรู้พื้นฐานหรือความรู้ปฐมบทที่พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ว่าสถานะใดควรต้องรู้ ไม่ใช่เฉพาะผู้ปกครองชนชั้นกลางขึ้นไปที่มีความรู้ หรือเป็นความรู้ในหมู่ครูอาจารย์หรือแพทย์เท่านั้น  ครอบครัวที่ด้อยโอกาสก็ควรต้องรู้ สรุปคือสังคมไทยควรต้องเรียนรู้เรื่อง EF เพื่อให้เด็กได้มีโอกาสพัฒนาอย่างเท่าเทียมกันจึงสนับสนุนให้ครูปฐมวัยในโรงเรียนได้รับการอบรม EF จากสถาบัน RLG และดำเนินการปรับสนามเด็กเล่นเพื่อให้เด็กได้เล่นอิสระอย่างปลอดภัยและมีความสุข...

นายจรูญ น้อยสำราญ  ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองบอน จ.ตราด

โรงเรียนบ้านหนองบอนเป็นโรงเรียนหนึ่งในเครือข่ายโรงเรียนพัฒนาตนเอง (TSQD) กสศ.ซึ่งทำให้ผอ.จรูญได้เริ่มรู้จัก EF แล้วทำให้อยากรู้ว่า EF คืออะไร เมื่อพบว่าสถาบัน RLG มีการอบรมเรื่องนี้จึงสมัครเข้ารับอบรมพร้อมครูอนุบาล 2 คน  แล้วได้เห็นว่า EF เป็นคำตอบเรื่องการพัฒนาเด็กให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ และการพัฒนาเด็กให้เต็มศักยภาพ จึงนำความรู้ EF มาถ่ายทอดให้ครูในโรงเรียน โดยใช้สื่อจากสถาบันRLG ให้ครูเรียนรู้ และมอบหมายให้รองผอ.ติดตามการดำเนินการขับเคลื่อนความรู้ EF สู่การปฏิบัติในชั้นเรียนอนุบาล...