จะทำให้เด็กวัยเรียน “เรียนรู้อย่างมีความหมาย” ได้อย่างไร

โดย | 21 เมษายน 2021 | สาระ EF

เรารู้กันดีว่า เด็กๆ จะเรียนรู้ได้ดีหากมีการเรียนรู้อย่างมีความหมาย(meaningful learning)แต่ยังอาจไม่ชัดเจนว่าการเรียนรู้อย่างมีความหมายนั้นเป็นอย่างไร มีประโยชน์ต่อเด็กอย่างไร และควรใช้วิธีการใด

ถาม : การเรียนรู้อย่างมีความหมายคืออย่างไร

ตอบ :การเรียนรู้อย่างมีความหมาย คือการเรียนรู้ที่รู้ว่าจะเรียนรู้ไปเพื่ออะไร เชื่อมโยงกับตัวผู้เรียน ผู้เรียนรู้ว่าสิ่งที่เรียนรู้จะมีผล จะกระทบต่อตัวเขาอย่างไรเรียนรู้แล้วสามารถที่จะเชื่อมโยงกับชีวิตจริงกับตัวเองได้ นำมาจัดการตัวเองได้ จัดการกับสภาพแวดล้อมได้ รู้ว่าเมื่อเรียนรู้มาแล้วจะเอาความรู้นั้นไปทำอะไรต่อ การเรียนรู้ที่มีความหมายจึงมีความหมายใน 2 มิติ คือความหมายต่อตัวเขาเอง และต่อสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเขา ในบ้าน นอกบ้าน ในชุมชน

          การเรียนรู้ที่รู้ว่าเรียนไปเพื่ออะไร เป็นการเรียนรู้อย่างมีเป้าหมาย สมองEF(Executive          Functions)จะทำงาน ต่างจากการเรียนรู้ที่ไม่มีความหมาย เรียนแบบท่องจำ  เรียนเพื่อสอบ สอบแล้วก็ลืมสิ่งที่เรียนมาหมด

ถาม : การเรียนรู้อย่างมีความหมายมีประโยชน์ต่อเด็กอย่างไร 

ตอบ :

  • ทำให้เด็กเกิดแรงบันดาลใจ เกิดความสุข สนุกในการเรียนรู้ อยากรู้อยากเรียนมากขึ้นมีความกระตือรือล้นที่จะเรียน ค้นคว้าให้รู้มากขึ้น
    • เป็นเครื่องมือไปสู่การเรียนรู้เรื่องอื่นๆ และเกิดทักษะการเรียนรู้เช่น การเรียนรู้เรื่องไดโนเสาร์ ผู้เรียนอาจจะนำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ แต่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการอยากจะศึกษาต่อไปอีกในเรื่องวิวัฒนาการของชีวิต เรื่องธรณีวิทยา และขณะที่ศึกษาค้นคว้าเรื่องไดโนเสาร์ ก็เกิดทักษะที่จะติดตัวไปตลอดชีวิต เช่น ทักษะการสังเกต การสืบค้นหาข้อมูลที่หลากหลาย การวิเคราะห์ การมุ่งเป้าหมาย หรือการวางแผนจัดระบบข้อมูลที่หามาได้
    • ทำให้รู้จริง รู้ลึก รู้รอบ รู้เท่าทันสถานการณ์ คิดวิเคราะห์ อ่านสถานการณ์เป็น อ่านเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ อ่านผู้คนได้ รู้ว่าเรื่องต่างๆ เป็นไปเป็นอย่างไร เรียนรู้บริบทของตน บริบทรอบตัว เพื่อจะอยู่กับบริบทได้อย่างเข้าใจ กลมกลืน เห็นความเกี่ยวข้อง ความเชื่อมโยงระหว่างตนเองกับโลกรอบตัว ระหว่างสรรพสิ่งในโลก
    • เด็กนำสิ่งที่เรียนรู้ไปปฏิบัติ  ไปใช้ประโยชน์  ไปปรับตัวได้
    • เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต เกิดคุณลักษณะของการเป็นผู้พร้อมเรียนรู้พัฒนาตน ใฝ่รู้  เป็นทักษะที่ติดตัวไปตลอดชีวิต การเรียนรู้ที่มีความหมายจะรักษาธรรมชาติความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ไว้ ซึ่งเป็นคุณสมบัติหนึ่งที่ทำให้คนเรามีชีวิตอยู่รอด
    • สร้างจิตสำนึกรักสิ่งแวดล้อม นึกถึงส่วนรวม เพราะเห็นความเชื่อมโยงของสรรพสิ่งรอบตัว

ถาม : แล้วจะทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้อย่างมีความหมายได้อย่างไร 

ตอบ :โรงเรียนต้องจัดกระบวนการที่สนับสนุนให้เด็กเป็นผู้เรียนรู้อย่างมีความหมาย โดย

  • ครูต้องคำนึงถึงระดับความสามารถ (competency) และ background ของเด็กแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นวิธีที่จะทำให้เด็กเห็นความหมาย เห็นคุณค่าของความรู้นั้นๆ จึงแตกต่างกัน และจำเป็นต้องทำเป็นรายบุคคลไป
  • ครูสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ สไตล์การเรียนรู้ของเด็ก เด็กแต่ละคนมีพฤติกรรม มีสไตล์การเรียนรู้ และมีวิธีการเรียนรู้ที่ไม่เหมือนกัน บางคนเรียนรู้จากการดู การฟัง การเลียนแบบ บางคนจากการสืบค้น หรือบางคนมีพื้นความรู้จากการเคยมีทักษะอย่างใดอย่างหนึ่งมาก่อน เช่นเด็กคนหนึ่งต่อเลโก้ได้แก่งมาก เป็นนักสะสมเลโก้มาตั้งแต่ชั้นอนุบาล ซึ่งถ้าครูสังเกตเห็น ครูจะสามารถกระตุ้นหรือสานต่อการเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น
  • เด็กควรได้รู้ว่าตัวเองมีวิธีเรียนรู้แบบใด เช่นเด็กคนหนึ่งเรียนเลขไปแล้ว ไม่เข้าใจ ทำไม่ได้ คิดเลขไม่ได้ อาจจะไม่ใช่เพราะไม่ชอบคิดเลข แต่อาจจะไม่ชอบวิธีที่ครูสอน ซึ่งถ้าครูเปลี่ยนไปใช้วิธีที่เด็กชอบ เด็กอาจจะเรียนรู้ได้ดีกว่า ซึ่งเด็กเองก็ต้องบอกครูได้ด้วยว่าต้องการให้ครูสอนวิธีไหน  ซึ่งการรู้ตัวเองว่ามีวิธีการเรียนแบบใดนี้จะเป็นพื้นฐานสำคัญของการเรียนรู้ตลอดชีวิตของคนๆ หนึ่งเลยทีเดียวในสหรัฐอเมริกา เมื่อเด็กอายุครบหกขวบ เด็กต้องรู้ ต้องบอกได้ว่าตนเองมีวิธีเรียนรู้อย่างไรเช่น ต้องเห็นภาพ หรือแบบลงมือทำ  ที่ต้องรู้เพราะเมื่อขึ้นไปเรียนในชั้นประถมศึกษา ก็จะสามารถขอความช่วยเหลือจากครูได้ ครูจะได้ออกแบบการสอน หรือคิดแบบฝึกหัดให้เด็กแต่ละคนไปตามวิธีการเรียนรู้ของแต่ละคนได้ซึ่งหากเด็กเองยังไม่รู้ ครูจะต้องเป็นผู้ช่วยสร้างสภาพแวดล้อม และให้โอกาสเด็กได้ค้นหาตัวเอง เพื่อให้เด็กเข้าถึงการเรียนรู้ได้ด้วยวิธีของตัวเองได้ในที่สุด เป็นการเรียนรู้ที่เกิดมาจากภายในของตัวเด็กเอง
  • ครูช่วยเชื่อมโยงสิ่งที่เด็กสนใจกลับมาสู่ตัวเด็ก สู่ชีวิตจริง ชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างตัวเด็กกับโลกรอบตัว ระหว่างสิ่งนั้นกับสิ่งนี้เพื่อขยายความสนใจของเด็กให้ขยายการเรียนรู้มากขึ้น จากสนใจใคร่รู้ไปเป็นคนที่รอบรู้ในเรื่องนั้นๆ