Page 74 - Executive Functions ในเด็กวัย 13-18 ปี
P. 74

สมองส่วนที่มีควำมสำมำรถมองเห็นอนำคต คือสมองส่วนหน้ำที่มนุษย์มีมำกกว่ำสัตว์
                                      กำรมองเห็นอนำคตเป็นพัฒนำกำรที่ควรเข้ำใจ ว่ำมีรำกฐำนเริ่มมำตั้งแต่อยู่อนุบำล                  ทุกชนิดบนโลก กำรมองอนำคตเปรียบเทียบได้กับรถที่เปิดไฟหน้ำ มองไปข้ำงหน้ำ
                                    ก่อนเข้ำประถม เด็กเรียนรู้ว่ำวัตถุนั้นมีจริงในโลก (เข้ำใจควำมถำวรของวัตถุ-object               ก�ำหนดเป้ำหมำย วำงแผนจะขับรถไปเส้นทำงไหนให้ถึงเร็วที่สุด ใช้เส้นทำงไหนจึงปลอดภัย

                                    permanence - วัตถุยังอยู่แม้มองไม่เห็น) ได้ตั้งแต่อำยุประมำณ 9-12 เดือน รู้จัก                 สูงสุด กำรเลือกเป้ำหมำยอย่ำงใดอย่ำงหนึ่งขึ้นมำในใจ ไม่ว่ำจะเป็นเป้ำหมำยที่ดีหรือร้ำย
                                    กำรจัดวำงต�ำแหน่งและกำรเปลี่ยนต�ำแหน่ง
                                                                                                                                   พฤติกรรมทุกอย่ำงที่สมองบัญชำกำรจะเป็นไปเพื่อตอบเป้ำหมำยนั้นๆ ทั้งสิ้น

                                      เมื่อเรียนรู้เรื่องนี้แล้วเด็กเล็กจะเรียนรู้เรื่องกำรเคลื่อนย้ำยของวัตถุรอบตัว รู้ว่ำ

                                    อะไรอยู่หน้ำอยู่หลัง
                                                                                                                                       ปัญหำของเด็กวัยรุ่นทุกวันนี้คือเด็กเก่งเอำแต่ท่องหนังสือ เรียนพิเศษเพื่อสอบ

                                      จำกนั้นเด็กเล็กจะเคลื่อนย้ำยตัวเองเป็นซึ่งเป็นพัฒนำกำรขึ้นมำอีกขั้น ในเด็กที่                ซึ่งไม่สอดคล้องกับเป้ำหมำยและพัฒนำกำรของวัยที่ต้องกำรควำมสำมำรถในกำรวำงแผน
                                    เล็กกว่ำนั้นจะไม่รู้ว่ำรถก�ำลังถอยหลังเข้ำมำหำตนเอง เพรำะยังไม่เข้ำใจชัดเจนเรื่อง              ที่ซับซ้อน (complex planning) และสถำนกำรณ์ที่ท้ำทำย (challenge situation)

                                    กำรเปลี่ยนต�ำแหน่งของวัตถุ นี่จึงเป็นปรำกฏกำรณ์ที่เรำมักพบว่ำหน้ำโรงเรียนอนุบำล
                                    มีเรื่องรถถอยชนเด็กได้ง่ำยๆ เพรำะเด็กไม่หลบรถ จำกกำรที่พัฒนำกำรทำงสมองยัง                          ส่วนเด็กที่ไม่เก่งก็จะตั้งเป้ำหมำยไปในเรื่องบิดรถมอเตอร์ไซค์ เซ็กส์ หรือ
                                    ไปไม่ถึงควำมสำมำรถในกำรเข้ำใจกำรเปลี่ยนต�ำแหน่งของวัตถุ                                        ยำเสพติด เพรำะเป็นไปตำมธรรมชำติที่ก�ำหนดเป้ำหมำยไปตำมสมองส่วนอำรมณ์
                                                                                                                                   เมื่อเป้ำหมำยที่ก�ำหนดขึ้นมำไม่ได้เรื่องได้รำว สมองส่วนหน้ำก็ใช้ไปในกำรคิดตอบสนอง

                                      ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ชีวิตๆ หนึ่งต้องเรียนรู้และพัฒนำเป็นขั้นเป็นตอน เด็กประถม               เป้ำหมำยที่เลื่อนลอย เช่น จะเสพยำอย่ำงไรไม่ให้ถูกจับได้ หรือจะนอนกับใครดี
                                    มีวิธีมองพื้นที่ (space) ที่กว้ำงขึ้น รู้วิธีเปลี่ยนต�ำแหน่งตัวเอง ย้ำยที่ตนเอง สำมำรถ
                                    เห็นสถำนที่ต่ำงๆได้โดยไม่ต้องไปถึงที่ เปลี่ยนจำกกำรเห็นด้วยตำเป็นกำรเห็นด้วยใจ                     วัยรุ่นที่ไม่มีโอกำสได้รับกำรส่งเสริมพัฒนำกำรตำมวัยนั้น แม้แต่คนที่เป็นเด็กดี
                                    ต่อมำเมื่อเป็นวัยรุ่นก็จะเข้ำใจเรื่องที่เป็นนำมธรรมได้สมบูรณ์ สำมำรถเข้ำใจเรื่อง               ตั้งใจเรียนจบออกมำแล้วก็พบว่ำ ส่วนใหญ่ไม่มีเป้ำหมำยชีวิตที่ชัดเจน พอไม่รู้ว่ำตัวเอง

                                    ของพื้นที่ (space) สัมพันธ์กับเวลำ (time) ก่อรูปเป็นกำรมองเห็นอนำคต โดยที่                     ต้องกำรท�ำอะไรก็จะกลำยเป็นคนไม่มีคุณภำพ นี่คือปัญหำที่เกิดจำกกำรที่ควำมรู้
                                    อนำคตนั้นยังไม่ต้องมำถึงจริง                                                                   ควำมเข้ำใจของสังคมต่อเรื่องวัยรุ่นไม่มำกพอ


                                      กำรมองหำอำชีพในอนำคตนั้น เมื่อมองอย่ำงเข้ำใจจิตวิทยำพัฒนำกำร จะเห็นว่ำ                       3. หน้ำที่ทำงชีววิทยำ เป็นหน้ำที่ซึ่งถูกโปรแกรมไว้ในรหัสทำงพันธุกรรม (genetic

                                    ต้องปูพื้นฐำนมำตั้งแต่เด็กยังเล็ก ถ้ำเด็กอนุบำลไม่ได้เล่นมำกพอ ควำมสำมำรถ                      code) มำแต่ดึกด�ำบรรพ์เพื่อให้เผ่ำพันธุ์แข็งแรง เมื่อถึงชีวิตช่วงวัยรุ่นจึงเป็นวัยที่เริ่ม
                                    ในกำรมอง space และ time กำรเข้ำใจกำรเปลี่ยนต�ำแหน่งก็จะไม่ได้รับกำรพัฒนำ                       เสำะแสวงหำคู่กับพันธุกรรมอื่นที่ต่ำงครอบครัวออกไป เป็นแรงขับดันตำมธรรมชำติ
                                    ดีเท่ำที่ควร พอขึ้นชั้นประถม ไม่ได้มีกิจกรรมส�ำรวจ ออกไปท้องนำ ทุ่งหญ้ำ หำด                    เพื่อสืบเผ่ำพันธุ์ วัยรุ่นจึงเริ่มมีควำมสนใจเพศตรงข้ำม รักสวยรักงำม ต้องกำรเป็นที่
                                    ทรำย ป่ำเขำ เอำแต่นั่งเรียนหนังสืออยู่ในห้อง ทักษะด้ำนนี้ในสมองจึงไม่ไปไหน เมื่อ               สนใจของเพศตรงข้ำม กำรสร้ำงกำรเรียนรู้ให้วัยรุ่นเข้ำใจตนเองและมีทักษะสมอง EF

                                    เติบโตไปถึงวัยรุ่นจะไม่มีควำมสำมำรถพอที่จะมองเห็นอนำคตที่ต้องมองเห็นทั้งพื้นที่                ที่ยับยั้งชั่งใจ รู้จักจัดกำรควบคุมอำรมณ์ หันเหควำมสนใจไปเรื่องอื่นที่ส�ำคัญกว่ำ
                                    ทำงภูมิศำสตร์ (space) และกำลเวลำ (time)                                                        ย่อมดีกว่ำกำรห้ำมหรือบอกวิธีใช้ถุงยำงเท่ำนั้น



                                                                                                                                     กำรศึกษำเพื่อเข้ำใจอย่ำงถ่องแท้ถึงเป้ำหมำยของชีวิตช่วงวัยนี้ จะช่วยให้เรำจัดกำร
                                                                                                                                   ศึกษำที่สอดคล้องกับควำมต้องกำรที่แท้จริงของวัยได้ดีขึ้น สิ่งที่เรียนรู้จะเชื่อมโยงกับ



            74                                                                                                                                                                                                                    75
   69   70   71   72   73   74   75   76   77   78   79