Page 100 - Executive Functions ในเด็กวัย 13-18 ปี
P. 100

ของผู้เสียชีวิตจำกอุบัติเหตุทำงจรำจรนั้นมีอำยุระหว่ำง 16-25 ปี และมีสำเหตุ                      อำหำรกำรกิน
                                   มำจำกกำรหลับใน                                                                                      ดื่มน�้าสะอาดและเพียงพอ

                                                                                                                                       สร้ำงสภำพแวดล้อมที่ท�ำให้ได้ดื่มน�้ำสะอำดอย่ำงเพียงพอ สมองคนเรำประกอบ
                                       วัยรุ่นต้องกำรนอนประมำณวันละ 8-10 ชั่งโมง  และเนื่องจำกสภำพทำงชีววิทยำ                      ด้วยน�้ำถึง 85% เซลล์สมองไม่ต่ำงจำกต้นไม้ที่ต้องกำรน�้ำหล่อเลี้ยงสม�่ำเสมอ น�้ำเป็น

                                   เปลี่ยนไป นำฬิกำภำยในของชีวิตจึงเปลี่ยนไป ท�ำให้มีควำมต้องกำรนอนดึกขึ้น                         สื่อน�ำไฟฟ้ำช่วยให้กำรเชื่อมต่อกันระหว่ำงเซลล์เป็นไปได้ดี เด็กมีโอกำสขำดน�้ำมำกกว่ำ
                                   กว่ำช่วงวัยเด็ก จึงมักพบเห็นได้ทั่วไปว่ำวัยรุ่นส่วนมำกนั้น นอนดึกตื่นสำยกว่ำผู้ใหญ่             ผู้ใหญ่เพรำะกระบวนกำรและกำรเผำผลำญพลังงำนด�ำเนินไปเร็วและมำกกว่ำมำก จึง

                                   และนอนนำนกว่ำด้วย รวมทั้งมักมีอำกำรง่วงหงำวหำวนอนในเวลำเรียน เนื่องจำก                          จ�ำเป็นต้องบอก กระตุ้นและจัดเตรียมให้วัยรุ่นดื่มน�้ำให้มำกและบ่อย โดยเฉพำะช่วงที่
                                   กำรนอนไม่พอ ศำสตรำจำรย์รัสเซลล์ ฟอสเทอร์ ประธำนผู้เชี่ยวชำญประสำทวิทยำ                          ต้องใช้สมองมำก เช่น ช่วงเรียนและสอบ อำกำรที่บ่งบอกว่ำน�้ำในร่ำงกำยไม่เพียงพอ

                                   (สำขำนำฬิกำชีวิต) วิทยำลัยบรำสโนส มหำวิทยำลัยออกซ์ฟอร์ด อังกฤษ ได้ท�ำกำร                        มีตั้งแต่กระหำยน�้ำ ง่วงซึม อ่อนเพลีย ผิวแห้ง ตำแห้ง ปำกแห้ง ปัสสำวะน้อยกว่ำปกติ
                                   ศึกษำเรื่องนี้ และเสนอว่ำถ้ำเปิดโรงเรียนให้ช้ำและเลิกช้ำลง 1 ชั่วโมงได้... เด็กๆ                ท้องผูก มึนหัว วิงเวียน ปวดศีรษะหรือที่รุนแรงกว่ำคือ ตำโหลหรือตำลึก ผิวหนังแห้ง

                                   น่ำจะเรียนได้ดีขึ้น ปัจจุบันมีหน่วยงำนที่เกี่ยวข้องหลำยแห่ง เช่น สถำบันกำรศึกษำ                 และเหี่ยวย่นไปจนถึงขั้นซึมลง สับสน สูญเสียกำรรับรู้เรื่องบุคคล เวลำและสถำนที่
                                   กุมำรเวชศำสตร์อเมริกันได้เสนอให้เด็กวัยรุ่นเข้ำเรียนหลังเวลำ 8.30 น. เพื่อให้                   (disorientation) ควำมสะอำดของน�้ำมีควำมส�ำคัญพอๆ กับปริมำณน�้ำที่ดื่ม ควรเป็น

                                   สอดคล้องกับสภำพควำมเป็นจริงของนำฬิกำชีวิต เช่นกัน                                               น�้ำสะอำดที่อุณหภูมิห้องอย่ำงน้อยวันละ 6-8 แก้ว



                                       ในสภำพสังคมไทยที่วัยรุ่นส่วนใหญ่นอนดึกแต่ต้องตื่นแต่เช้ำ  ผู้ปกครองสำมำรถ
                                   ดูแลกำรนอนของวัยรุ่นได้อีกทำง  ด้วยกำรลดกำรเรียนที่ไม่จ�ำเป็นลง ให้วัยรุ่นได้นอน                                                           อาหารเพิ่ม “พลังสมอง”

                                   หลับชดเชยในวันหยุดอย่ำงเต็มที่เพียงพอต่อควำมต้องกำรของร่ำงกำย  ลดกำรกิน                                                                    นิสัยกำรกินอำหำรซึ่งได้รับกำรฝึกมำตั้งแต่ยังเล็กเป็นตัว
                                   อำหำรขยะ ของหวำน คำเฟอีน และออกก�ำลังกำยเต็มที่ในช่วงเย็น กินอำหำรเย็นก่อน                                                             บ่งบอกถึงคุณภำพอำหำรที่ได้รับในกำรเพิ่มพลังสมอง แต่

                                   เวลำเข้ำนอนมำกกว่ำ 3  ชั่วโมง  ปิดคอมพิวเตอร์  มือถือ ก่อนเข้ำนอนอย่ำงน้อย                                                             ครอบครัวไทยยุคใหม่จ�ำนวนมำกมีชีวิตที่เร่งรีบและไม่ได้ให้
                                   1 ชั่วโมง และจัดสภำพแวดล้อมที่สะอำด สงบ ให้วัยรุ่นได้นอนอย่ำงเต็มที่ และนำน                                                            ควำมส�ำคัญในกำรเลือกอำหำรที่อร่อยและมีประโยชน์ให้ลูก

                                   พอกับควำมต้องกำรตำมธรรมชำติของวัย
                                                                                                                                                                          เท่ำที่ควร เมื่อมำถึงช่วงวัยรุ่นที่ต้องดูแลตนเองเป็นส่วนใหญ่
                                                                                                                                                                          โรงเรียนจึงต้องให้ควำมส�ำคัญในเรื่องนี้ ให้ควำมรู้แก่เด็ก ผู้ที่

                                                                                                                                                                          ดูแลอำหำรและผู้จ�ำหน่ำยอำหำรในโรงเรียน มีกำรควบคุม
                                                                                                                                                                          คุณภำพและควำมอร่อย มีทำงเลือกที่หลำกหลำยให้เด็กๆ ได้

                                                                                                                                                                          เข้ำถึงอำหำรที่ดี












            100                                                                                                                                                                                                                  101
   95   96   97   98   99   100   101   102   103   104   105