Page 99 - Executive Functions ในเด็กวัย 13-18 ปี
P. 99

7.  ก�ำหนดควำมส�ำคัญก่อนหลัง เช่น ท�ำงำนเสร็จแล้วไปข้ำงนอกได้  2. ดูแลสุขภาพของสมอง จากการนอน อาหารการกิน
    8.  ก�ำหนดและตกลงกันเรื่องเวลำ ฝึกกำรวำงแผน  และออกก�าลังกายอย่างเหมาะสม

    9.  บอกควำมรู้สึกของผู้ใหญ่ให้เกิดกำรเรียนรู้ว่ำ ทุกกำรกระท�ำของลูกวัยรุ่น
      ส่งผลต่อคนอื่นเสมอ ไม่ใช้วิธีบ่นหรือต�ำหนิ  กำรนอน

    10. สังเกต ใส่ใจ และแสดงควำมเข้ำใจในควำมรู้สึกของลูกวัยรุ่นที่มีหลำยอำรมณ์      กำรนอนเป็นอำหำรสมอง กำรนอนไม่ใช่แค่เพียงท�ำให้ร่ำงกำยได้พักผ่อน
      ในแต่ละวัน ให้รู้ตัวว่ำก�ำลังมีอำรมณ์อะไร ให้รับรู้อำรมณ์ตัวเองและรู้ว่ำต้อง   และผลิต growth hormone เพื่อกำรเจริญเติบโตทำงร่ำงกำยของวัยรุ่นเท่ำนั้น

      จัดกำรอะไรกับอำรมณ์ของตัวเอง สำมำรถก�ำกับตัวเองได้และมีเวลำเฉพำะ   แต่ยังเป็นช่วงเวลำที่สมองจะได้จัดระเบียบข้อมูล แปลงควำมจ�ำระยะสั้นและเหตุกำรณ์
      ที่เป็น “ส่วนตัว” กับเด็ก  ล่ำสุดลงไปในหน่วยควำมจ�ำระยะยำว และช่วยสร้ำงข้อมูลใหม่ลงในสมองเพื่อ

               เรียกคืนในภำยหลัง



                   จำกกำรวิจัยของซำนดรีน ธูเร (Sandrine Thuret) และโจนัส ไฟรเซน (Jonas

               Frisén) จำกสถำบันคำโรลินสกำ (Karolinaska Institute) ในประเทศสวีเดน

 10 กำรสร้ำงวินัยเชิงบวกในห้องเรียนอย่ำงง่ำย   ได้ค้นพบเมื่อไม่นำนมำนี้ว่ำ ปกติในสมองส่วนฮิปโปแคมปัส ซึ่งท�ำงำนเกี่ยวกับ
 ที่ครูสำมำรถน�ำไปปรับใช้กับนักเรียนระดับมัธยมได้  ควำมจ�ำ กำรเรียนรู้และอำรมณ์นั้น สร้ำงเซลล์ประสำทใหม่ประมำณ 700 เซลล์ต่อวัน
               กำรอดนอนและควำมเครียดท�ำให้กำรสร้ำงเซลล์ประสำทเหล่ำนี้ลดลง มีกำรวิจัย
 1. พุ่งเป้าไปที่แผนการสอน กิจกรรม กระบวนการ บรรยากาศ (ไม่พุ่งเป้าไปที่ปัญหาพฤติกรรม)  ในเด็กเล็กพบว่ำ กำรนอนในเวลำกลำงคืนไม่เพียงพอแม้จะชดเชยด้วยกำรนอน

 2. มีกฎใหญ่ๆ สั้นๆ สามข้อคือ เคารพสิทธิผู้อื่น มีความรับผิดชอบ มีศีลธรรม (ไม่สร้างกฎมากเกิน)  ช่วงกลำงวัน จะท�ำให้ทักษะยั้งคิดในสมองส่วนหน้ำท�ำงำนได้ไม่ดี

 3. เป็นแบบอย่างพฤติกรรมที่เหมาะสม (ไม่ท�าตัวเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี)
 4. เมื่อเด็กมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม นั่งคุยกันเป็นการส่วนตัว (ไม่ประจาน)     ในช่วงวัยรุ่น กำรนอนไม่พอก่อให้เกิดผลหลำยประกำร ตั้งแต่ปัญหำร่ำงกำย
 5. ให้ก�าลังใจและให้ค�าแนะน�า (ไม่ท�าให้เด็กรู้สึกผิด)  ไม่สำมำรถเติบโตเต็มที่ ควำมสูงน้อยกว่ำที่ควร ลดประสิทธิภำพกำรท�ำงำนของ

 6. ให้ความส�าคัญในเรื่องที่สอนหรือที่เด็กประพฤติดี (ไม่หยุดการสอนเพื่อดุเด็ก)  ระบบต่ำงๆ ท�ำให้เจ็บป่วยง่ำย ติดเชื้อง่ำย มีปัญหำควำมสำมำรถในกำรเรียนรู้ ไม่มี

 7. ให้เด็กมีส่วนร่วม (ไม่สอนแบบน่าเบื่อ)  สมำธิในกำรเรียน ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เหนื่อยล้ำ มึนงง ง่วง หลับใน นอกจำกนั้น
 8. รับมือกับปัญหาโดยเป็นพวกเดียวกับเด็กเสมอ (ไม่ขี้ฟ้อง)  กำรนอนไม่พอยังส่งผลกระทบต่อระบบประสำทส่วนควบคุมกำรเคลื่อนไหวของ
 9. สร้างมิตรภาพ แสดงออกซึ่งความสนใจ (ไม่ข่มเด็ก)  ร่ำงกำย ท�ำให้ซุ่มซ่ำม ส่งผลต่ออำรมณ์ท�ำให้หงุดหงิดง่ำย ฉุนเฉียวบ่อย กำรตัดสินใจ

 10. วางตัวเป็นผู้ใหญ่ รู้ตัวว่าตนเองเป็น “ครู” อยู่เสมอ (ไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาเป็นปัญหา)  หุนหันพลันแล่น ในระยะยำวมีควำมเสี่ยงต่อกำรเป็นโรคอ้วน เบำหวำน โรคหัวใจ

               ควำมดันโลหิตสูง หรืออัลไซเมอร์ได้ ปัญหำที่ร้ำยแรงเกี่ยวกับกำรอดนอนเรื้อรังอีกอย่ำง
               หนึ่งคือกำรบำดเจ็บและกำรตำยจำกอุบัติเหตุทำงจรำจรและกำรท�ำงำน พบว่ำครึ่งหนึ่ง








 98                                                                                                           99
   94   95   96   97   98   99   100   101   102   103   104