Page 95 - Executive Functions ในเด็กวัย 13-18 ปี
P. 95

ส่วนหน้ำอันเป็นรำกฐำนของพัฒนำกำรกำรเรียนรู้ กำรวิจัยในหนูท�ำให้รู้ว่ำลูกหนู   ด้วยตนเองตำมแนวทำงของควำมสนใจ จุดมุ่งหมำยและค่ำนิยมของตนเอง
 ที่แม่เลียน้อย (ควำมผูกพันต�่ำ) กับลูกหนูที่แม่เลียบ่อย (ควำมผูกพันสูง) มีกำรปิดเปิด  กำรกระท�ำที่หนุนเสริมลูกเช่นที่ว่ำนี้เป็นเหมือน “นั่งร้ำน” (scaffold) ที่คอยค�้ำจุน

 สวิตช์ของยีนในไฮโปธำลำมัสแตกต่ำงกัน และสภำพเช่นนี้จะจำรึกไปตลอดชีวิต เท่ำกับ  เป็นกำร “ส่งเสริมกำรท�ำงำนของกำรตัดสินใจ” จะท�ำให้ลูกวัยรุ่นได้ “ประสบกำรณ์
 ว่ำหนูที่มีควำมผูกพันต�่ำ แกน HPA จะอ่อนแอไปตลอดชีวิต ควำมแข็งแรงของแกน   ควำมรู้สึก” ของกำรก�ำหนดตนเอง (self-determination) ในกำรแก้ปัญหำส่วนตัว

 HPA ท�ำให้คนเรำอดทนต่อควำมเครียด โดยเฉพำะเมื่อถูกกระตุ้นให้เกิดนิสัยหุนหัน
 พลันแล่น (impulsive behavior) ซึ่งจะรุนแรงในชีวิต 2 ช่วงคือช่วงวัยเด็กกับวัยรุ่น      กำรยอมรับของพ่อแม่และผู้ปกครอง กำรเฝ้ำติดตำม (monitor) เช่น กำรออก

 และช่วงวัยรุ่นจะเป็นช่วงที่ก่อให้เกิดผลอันรุนแรงต่อชีวิต  จำกบ้ำน-กลับเข้ำบ้ำนที่ไม่ตึงหรือหย่อนเกิน จะช่วยให้วัยรุ่นแปลผล (interpret)
               ค�ำถำมของพ่อแม่เกี่ยวกับกิจกรรมที่ตนท�ำอยู่ไปในทำงที่เป็นสัญญำณของควำมห่วงใย

    ควำมผูกพัน (attachment) จะวำงรำกฐำนควำมเข้มแข็งของทักษะสมอง EF   (care) ซึ่งท�ำให้ไม่รู้สึกร�ำคำญใจหรือรู้สึกว่ำก�ำลังถูกสอดแนมด้วยควำมไม่ไว้วำงใจ
 “ควำมรู้สึกมั่นคงในสัมพันธภำพ” ท�ำให้เด็กเล็กเรียนรู้โลกภำยนอกได้ดี รู้สึกอิสระ

 ที่จะออกส�ำรวจ มีควำมมั่นใจว่ำตนเองรู้สึกปลอดภัยจำกกำรมี “แม่” อยู่ใกล้ เด็กที่      อย่ำงไรก็ตำมถ้ำพ่อแม่เข้มงวดหรือตำมใจ (permissive) เกินไปโดยมิได้ให้ลูก
 ไม่ได้รับกำรดูแลในช่วงที่ชีวิตต้องกำร จะมีปัญหำทำงใจ ปัญหำกำรเรียนรู้ ปัญหำ  มีส่วนร่วมในกำรคิดตัดสินใจมักสร้ำงควำมทุกข์ให้ลูก และวัยรุ่นก็มักจะลงเอย

 พฤติกรรม สมองส่วนหน้ำไม่พร้อมที่จะท�ำงำนหรือท�ำได้ไม่ดี เนื่องจำกควำมต้องกำร  ด้วยกำรต่อต้ำน ไม่บอกเรื่อง/กิจกรรมที่ตนเองท�ำอยู่ ซึ่งในที่สุดอำจมีปัญหำ
 ของสมองส่วนกลำงยังไม่ “อิ่ม” พอ กำรที่คนในครอบครัวไทยต้องแยกแตกกัน   พฤติกรรมตำมมำได้

 จำกสภำพกำรท�ำงำนและระบบเศรษฐกิจที่ไม่เอื้อให้แม่ได้ดูเด็กเล็กด้วยตนเอง
 เด็กถูกส่งไปสถำนรับเลี้ยงเล็กในอำยุที่น้อยลงเรื่อยๆ เป็นปัญหำระดับกว้ำงที่เกิดเป็น

 ผลร้ำยมำกมำยเมื่อเด็กย่ำงเข้ำสู่วัยรุ่นอย่ำงที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน  “วินัยเชิงบวก” พัฒนำวัยรุ่นบนควำมผูกพันไว้ใจ
                   เรำทุกคนเป็นสิ่งแวดล้อมของวัยรุ่นคนหนึ่งเสมอ โดยเฉพำะพ่อแม่และครูที่

    วัยรุ่นเป็นวัยที่มีควำมต้องกำรทั้งอิสรภำพ (autonomy) และควำมผูกพัน    ใกล้ชิด ดังเช่นค�ำกล่ำวของดร.ปิยวลี และดร.ปนัดดำ ธนเศรษฐกร นักวิชำกำรด้ำน
 (attachment) เพื่อเตรียมพร้อมที่จะเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ เป็นวัยของกำรเรียนรู้   ทักษะสมอง EF ได้กล่ำวว่ำ “คุณและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่ำงไร เด็กมีแนวโน้มจะเป็น

 กำรพึ่งพำตนเอง (independence) กับกำรพึ่งพำระหว่ำงกัน (interdependence)    อย่ำงนั้น”  และกำรที่วัยรุ่นคนหนึ่งซึ่งเป็นเด็กที่โตมำกแล้วจะเข้ำใจและคิดได้ดี
 วัยรุ่นที่พ่อแม่ยอมรับ คลำยกำรควบคุมดูแล เพียงเข้มงวดกับกฎเกณฑ์ที่ชอบด้วย  เพียงใด ว่ำตนควร “เป็น” หรือมี“พฤติกรรม” อย่ำงไร ขึ้นอยู่กับว่ำวัยรุ่นคนนั้น

 เหตุผลและอย่ำงสม�่ำเสมอ คงเส้นคงวำ จะปรับตัวได้ดี   ได้รับกำรตอบสนองควำมต้องกำรทำงใจหรือควำมต้องกำรของสมองส่วนลิมบิก
               เพียงพอแค่ไหน เมื่อควำมต้องกำรทำงใจอิ่ม สมองส่วนหน้ำจึงจะเปิดรับกำรเรียนรู้

    กำรให้ลูกวัยรุ่นมีส่วนร่วมในกำรถกเถียงและตัดสินใจในประเด็นของกำรจัดกำร  นั่นหมำยควำมว่ำกำรสร้ำงและรักษำสัมพันธภำพที่ดีต่อกันเป็นเรื่องที่มำก่อน
 ปกครองตนเอง (self-governance) โดยเสนอทำงเลือกที่หลำกหลำยและช่วยลูก   สัมพันธภำพเป็นอย่ำงไรจะเป็นตัวบ่งบอกว่ำวัยรุ่นพร้อมกับกำรเรียนรู้ได้ดีแค่ไหน

 วัยรุ่นส�ำรวจ แนะน�ำและให้กำรสนับสนุนในเรื่องที่ลูกต้องกำร แล้วค่อยให้ลูกตัดสินใจ








 94                                                                                                           95
   90   91   92   93   94   95   96   97   98   99   100