Page 94 - Executive Functions ในเด็กวัย 13-18 ปี
P. 94

ส่วนหน้ำอันเป็นรำกฐำนของพัฒนำกำรกำรเรียนรู้ กำรวิจัยในหนูท�ำให้รู้ว่ำลูกหนู                     ด้วยตนเองตำมแนวทำงของควำมสนใจ จุดมุ่งหมำยและค่ำนิยมของตนเอง
                                   ที่แม่เลียน้อย (ควำมผูกพันต�่ำ) กับลูกหนูที่แม่เลียบ่อย (ควำมผูกพันสูง) มีกำรปิดเปิด            กำรกระท�ำที่หนุนเสริมลูกเช่นที่ว่ำนี้เป็นเหมือน “นั่งร้ำน” (scaffold) ที่คอยค�้ำจุน

                                   สวิตช์ของยีนในไฮโปธำลำมัสแตกต่ำงกัน และสภำพเช่นนี้จะจำรึกไปตลอดชีวิต เท่ำกับ                    เป็นกำร “ส่งเสริมกำรท�ำงำนของกำรตัดสินใจ” จะท�ำให้ลูกวัยรุ่นได้ “ประสบกำรณ์
                                   ว่ำหนูที่มีควำมผูกพันต�่ำ แกน HPA จะอ่อนแอไปตลอดชีวิต ควำมแข็งแรงของแกน                         ควำมรู้สึก” ของกำรก�ำหนดตนเอง (self-determination) ในกำรแก้ปัญหำส่วนตัว

                                   HPA ท�ำให้คนเรำอดทนต่อควำมเครียด โดยเฉพำะเมื่อถูกกระตุ้นให้เกิดนิสัยหุนหัน
                                   พลันแล่น (impulsive behavior) ซึ่งจะรุนแรงในชีวิต 2 ช่วงคือช่วงวัยเด็กกับวัยรุ่น                    กำรยอมรับของพ่อแม่และผู้ปกครอง กำรเฝ้ำติดตำม (monitor) เช่น กำรออก

                                   และช่วงวัยรุ่นจะเป็นช่วงที่ก่อให้เกิดผลอันรุนแรงต่อชีวิต                                        จำกบ้ำน-กลับเข้ำบ้ำนที่ไม่ตึงหรือหย่อนเกิน จะช่วยให้วัยรุ่นแปลผล (interpret)
                                                                                                                                   ค�ำถำมของพ่อแม่เกี่ยวกับกิจกรรมที่ตนท�ำอยู่ไปในทำงที่เป็นสัญญำณของควำมห่วงใย

                                       ควำมผูกพัน (attachment) จะวำงรำกฐำนควำมเข้มแข็งของทักษะสมอง EF                              (care) ซึ่งท�ำให้ไม่รู้สึกร�ำคำญใจหรือรู้สึกว่ำก�ำลังถูกสอดแนมด้วยควำมไม่ไว้วำงใจ
                                   “ควำมรู้สึกมั่นคงในสัมพันธภำพ” ท�ำให้เด็กเล็กเรียนรู้โลกภำยนอกได้ดี รู้สึกอิสระ

                                   ที่จะออกส�ำรวจ มีควำมมั่นใจว่ำตนเองรู้สึกปลอดภัยจำกกำรมี “แม่” อยู่ใกล้ เด็กที่                     อย่ำงไรก็ตำมถ้ำพ่อแม่เข้มงวดหรือตำมใจ (permissive) เกินไปโดยมิได้ให้ลูก
                                   ไม่ได้รับกำรดูแลในช่วงที่ชีวิตต้องกำร จะมีปัญหำทำงใจ ปัญหำกำรเรียนรู้ ปัญหำ                     มีส่วนร่วมในกำรคิดตัดสินใจมักสร้ำงควำมทุกข์ให้ลูก และวัยรุ่นก็มักจะลงเอย

                                   พฤติกรรม สมองส่วนหน้ำไม่พร้อมที่จะท�ำงำนหรือท�ำได้ไม่ดี เนื่องจำกควำมต้องกำร                    ด้วยกำรต่อต้ำน ไม่บอกเรื่อง/กิจกรรมที่ตนเองท�ำอยู่ ซึ่งในที่สุดอำจมีปัญหำ
                                   ของสมองส่วนกลำงยังไม่ “อิ่ม” พอ กำรที่คนในครอบครัวไทยต้องแยกแตกกัน                              พฤติกรรมตำมมำได้

                                   จำกสภำพกำรท�ำงำนและระบบเศรษฐกิจที่ไม่เอื้อให้แม่ได้ดูเด็กเล็กด้วยตนเอง
                                   เด็กถูกส่งไปสถำนรับเลี้ยงเล็กในอำยุที่น้อยลงเรื่อยๆ เป็นปัญหำระดับกว้ำงที่เกิดเป็น

                                   ผลร้ำยมำกมำยเมื่อเด็กย่ำงเข้ำสู่วัยรุ่นอย่ำงที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน                               “วินัยเชิงบวก” พัฒนำวัยรุ่นบนควำมผูกพันไว้ใจ
                                                                                                                                       เรำทุกคนเป็นสิ่งแวดล้อมของวัยรุ่นคนหนึ่งเสมอ โดยเฉพำะพ่อแม่และครูที่

                                       วัยรุ่นเป็นวัยที่มีควำมต้องกำรทั้งอิสรภำพ (autonomy) และควำมผูกพัน                          ใกล้ชิด ดังเช่นค�ำกล่ำวของดร.ปิยวลี และดร.ปนัดดำ ธนเศรษฐกร นักวิชำกำรด้ำน
                                   (attachment) เพื่อเตรียมพร้อมที่จะเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ เป็นวัยของกำรเรียนรู้                     ทักษะสมอง EF ได้กล่ำวว่ำ “คุณและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่ำงไร เด็กมีแนวโน้มจะเป็น

                                   กำรพึ่งพำตนเอง (independence) กับกำรพึ่งพำระหว่ำงกัน (interdependence)                          อย่ำงนั้น”  และกำรที่วัยรุ่นคนหนึ่งซึ่งเป็นเด็กที่โตมำกแล้วจะเข้ำใจและคิดได้ดี
                                   วัยรุ่นที่พ่อแม่ยอมรับ คลำยกำรควบคุมดูแล เพียงเข้มงวดกับกฎเกณฑ์ที่ชอบด้วย                       เพียงใด ว่ำตนควร “เป็น” หรือมี“พฤติกรรม” อย่ำงไร ขึ้นอยู่กับว่ำวัยรุ่นคนนั้น

                                   เหตุผลและอย่ำงสม�่ำเสมอ คงเส้นคงวำ จะปรับตัวได้ดี                                               ได้รับกำรตอบสนองควำมต้องกำรทำงใจหรือควำมต้องกำรของสมองส่วนลิมบิก
                                                                                                                                   เพียงพอแค่ไหน เมื่อควำมต้องกำรทำงใจอิ่ม สมองส่วนหน้ำจึงจะเปิดรับกำรเรียนรู้

                                       กำรให้ลูกวัยรุ่นมีส่วนร่วมในกำรถกเถียงและตัดสินใจในประเด็นของกำรจัดกำร                      นั่นหมำยควำมว่ำกำรสร้ำงและรักษำสัมพันธภำพที่ดีต่อกันเป็นเรื่องที่มำก่อน
                                   ปกครองตนเอง (self-governance) โดยเสนอทำงเลือกที่หลำกหลำยและช่วยลูก                              สัมพันธภำพเป็นอย่ำงไรจะเป็นตัวบ่งบอกว่ำวัยรุ่นพร้อมกับกำรเรียนรู้ได้ดีแค่ไหน

                                   วัยรุ่นส�ำรวจ แนะน�ำและให้กำรสนับสนุนในเรื่องที่ลูกต้องกำร แล้วค่อยให้ลูกตัดสินใจ








            94                                                                                                                                                                                                                    95
   89   90   91   92   93   94   95   96   97   98   99